
มิติหุ้น – บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (ASPS) เปิดเผยบทวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดการเงินจับตาการตัดสินใจครั้งสำคัญของธนาคารกลางในวันนี้ โดยเฉพาะการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย ขณะที่ภาพรวมตลาดโลกยังคงมีความผันผวนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นถึง ความอ่อนแอของตลาดแรงงานสหรัฐฯ
โดยการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payroll) เดือนตุลาคม 2568 ลดลง 105,000 ตำแหน่ง เนื่องจากผลกระทบของ Government Shutdown ที่ทำให้พนักงานภาครัฐหายไป แม้ว่าในเดือนพฤศจิกายน 2568 การจ้างงานจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 64,000 ตำแหน่ง แต่ก็กระจุกตัวอยู่ในกลุ่ม Education & Health Services และ Construction (โดยเฉพาะงานก่อสร้างศูนย์ข้อมูล AI) อัตราการว่างงานล่าสุดได้เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ความอ่อนแอของตลาดแรงงานนี้กำลังเพิ่มความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในปีหน้า
โดยผลสำรวจจาก FEDWATCH TOOL คาดการณ์ว่าจะมีการลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง (ในเดือนเมษายนและกรกฎาคม 2569) อย่างไรก็ตาม ปัจจัยกดดันสำคัญคือ อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ยังคงสูงกว่ากรอบเป้าหมายที่ 2% โดยตลาดคาดการณ์ว่าตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายน 2568 จะปรับตัวสูงขึ้นเป็น 3.1% เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบปี ด้านตลาดหุ้นโลก ดัชนี NASDAQ เริ่มแสดงสัญญาณรูปแบบขาลงมากขึ้น หลังเกิดสัญญาณ HINDENBERG และดัชนีไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ อีกทั้งยังตัดเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (SMA 50) ลงมา ซึ่งสร้าง sentiment เชิงลบต่อสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ
กนง. มีโอกาส 96% ที่จะลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจปี 2569
วันนี้เป็นวันสำคัญที่ต้องติดตามการประชุม กนง. เพื่อดูทิศทางอัตราดอกเบี้ยและแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะถัดไป ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้คาดการณ์แนวโน้ม GDP ปี 2569 ไว้ที่ 1.6% ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนภัยที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และมีความเปราะบาง นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ (23 จาก 24 ราย หรือคิดเป็นโอกาส 96%) คาดการณ์ว่า กนง. จะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากเดิม 1.50% เหลือ 1.25% เพื่อพยุงไม่ให้เศรษฐกิจในปี 2569 ทรุดตัวหนักไปกว่านี้ สาเหตุหลักที่ทำให้จำเป็นต้องลดดอกเบี้ยคือ การชะลอตัวในหลายส่วนของ GDP ได้แก่:
- การบริโภคภาคเอกชน คาดว่าจะโตเพียง 1.8% ในปี 2569 (ลดลงจาก 2.1% ในปี 2568) แสดงถึงกำลังซื้อที่หดหายและประชาชนรัดเข็มขัด
- การส่งออก (Export Value)คาดว่าจะติดลบ -1.0% ในปี 2569 แสดงความผันผวนสูงจากผลกระทบด้านTrade Tariff ของสหรัฐฯ
- ภาคท่องเที่ยว แม้จะฟื้นตัวในปี 2569 แต่จำนวนนักท่องเที่ยว (35.0 ล้านคน) ยังไม่ถึงระดับของปี 2567 (35.5 ล้านคน)
แรงหนุนจากหุ้น ESG และการปรับดัชนี
ตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงสนับสนุนจากประเด็นด้าน ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) โดยมีหุ้นใน SET100 กว่า 39 บริษัทที่ได้รับการปรับเพิ่ม ESG RATING หุ้นที่ได้รับการปรับอันดับขึ้นเหล่านี้ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง +1.7% เมื่อวานนี้ ซึ่งสูงกว่าการเพิ่มขึ้นของ SET Index โดยรวม ตัวอย่างหุ้นที่ปรับเพิ่มอันดับและมีราคาบวกแรง ได้แก่ AOT (จาก A เป็น AA) +7%, AAV (จาก – เป็น AAA) +6%, และ AWC (จาก AA เป็น AAA) +5% นอกจากนี้ การประกาศรายชื่อหุ้นเข้าใหม่ในดัชนี SET50 สำหรับรอบ 1H69 ได้แก่ SAWAD และ CENTEL และหุ้นเข้าใหม่ใน SET100 ได้แก่ GFPT, PTG, และ STECON ถือเป็นปัจจัยเชิงบวกที่ช่วยรองรับเม็ดเงินจากกองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
กลยุทธ์การลงทุนและหุ้นเด่นวันนี้
ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัว และได้รับ sentiment เชิงลบช่วงสั้นๆ จากการที่ 4 หุ้นถูกถอดออกจากดัชนี SETESG แต่มี 20 บริษัทใหม่ที่เข้าดัชนี SETESG มาช่วยหนุนแทน หุ้นแนะนำสำหรับการเก็งกำไร หาก กนง. ลดดอกเบี้ย ได้แก่ TIDLOR, SAWAD, และ MTC นอกจากนี้ ยังมีหุ้นปันผลสูงที่น่าสนใจต่อปี ได้แก่ LH (5.8%), ICHI (8.7%), และ MAJOR (6.7%)
สรุปหุ้นเด่นประจำวัน
GLOBAL GEM : DISNEY80 / ZIJIN80
PRIME PICK : TIDLOR / ICHI / MAJOR
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon






























