
มิติหุ้น – ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 228 จุด (-0.47%) สอดคล้องกับดัชนี S&P500 ที่ปรับลงท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับหุ้น AI โดยเฉพาะหุ้น ORACLE ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.3% หลังจากทรัมป์ออกคำสั่งให้ปิดล้อมเรือบรรทุกน้ำมันทั้งหมด
เมื่อคืนที่ผ่านมาไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯแต่กลุ่ม Technology ปรับลงต่อเนื่องนำมาโดย ORACLE -5.4% NVIDIA -3.8% Alphabet -3.2% หลังมีรายงานว่า Blue Owl Capital พันธมิตรของ Oracle ได้ถอนตัวจากแผนจัดหาเงินทุนสนับสนุนโครงการสร้าง Data Center มูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯของ Oracle เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับภาระหนี้สินของ Oracle ทั้งนี้มองกลุ่ม AI ยังคงเป็น Mega Trend เช่นเดิมเพียงแต่ระยะสั้นนักลงทุนอาจพิจารณามากขึ้น บริษัทไหนที่มีภาระหนี้สูงประกอบกับกระแสเงินสดอิสระติดลบหรือมี Valuation ที่แพงจนเกินไป อาจเผชิญแรงทำกำไร (Oracle AVGO) แต่ด้วยจิตวิทยาเชิงลบจึงกดดันกระแสทั้งกลุ่ม ทั้งนี้หุ้นที่กระแสเงินสดเป็นบวกและภาระหนี้สินไม่ได้สูงประกอบไปด้วย Amazon Alphabet Microsoft NVIDIA จังหวะปรับฐานยังมองเป็นโอกาสรอเข้าสะสม ส่วนปัจจัยในประเทศ เมื่อวานที่ผ่านมาที่ประชุม กนง. มีมติเอกฉันท์ในการลดดอกเบี้ย 0.25% สอดคล้องกับที่หลายๆสำนักคาดการณ์ไว้ ทางคณะกรรมการระบุว่าเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังของปี 25 ชะลอลงจากปัจจัยชั่วคราวในภาคผลิต จำนวนนักท่องเที่ยวระยะใกล้ที่ลดลงรวมไปถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ที่คาดว่าจะมีผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงต้นปีหน้า สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 26 คาดว่าจะขยายตัวเพียง 1.5%YoY ต่ำลงจากปีนี้ตามการบริโภครวมไปถึงการส่งออกสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯแต่ภาคท่องเที่ยวจะทยอยฟื้นตัว แต่ทั้งนี้ กนง.ก็ประเมินว่าในปีหน้าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพียง 35 ล้านคนและปี 29 ที่เพียง 36 ล้านคน (ปีนี้คาดการณ์ไว้ที่ 33 ล้านคน) ดังนั้นหากปีหน้าการท่องเที่ยวผิดไปจากคาดการณ์จะยิ่งสร้างความผิดหวังกับการลงทุนและเศรษฐกิจไทย คืนนี้รอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ (CPI) Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 3.1%YoY พร้อมกับคนขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.24 แสนราย หากออกมาในลักษณะผ่อนคลาย ตลาดมีโอกาสตอบรับเชิงบวกตามความคาดหวังดอกเบี้ย วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1245 – 1265 อาจเผชิญแรงกดดันจากหุ้น DELTA ตาม Tech สหรัฐฯปรับลงแต่ก็เชื่อว่าจะได้แรงหนุนจากกลุ่ม Value Play (Bank สื่อสาร โรงพยาบาล) เชิงกลยุทธ์การลงทุนเน้นเลือกหุ้นที่มีปัจจัยหนุน อาทิ ธนาคาร (BBL SCB KBANK KTB) ค้าปลีก (CPALL HMPRO) Non Bank (MTC SAWAD TIDLOR) โรงพยาบาล (BDMS) นิคมอุตสาหกรรม (AMATA WHA)
BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 26.00 บาท)
คาดกำไรสุทธิใน 4Q25 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ จาก 1) จำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่ล่าช้ามีแนวโน้มเติบโตสูงต่อเนื่องในเดือน ต.ค. (+8% YoY) คาดหนุนรายได้ใน 4Q25 สูงขึ้น YoY จากฐานต่ำ 2) คาดรายได้รับรู้สูงขึ้นจากโรงพยาบาลเปิดใหม่ 2 แห่ง (รวม 87 เตียง) Phyathai Bowin Hospital และ Bangkok Hospital Khao Yai
AMATA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 33.50 บาท)
4Q25 ในแง่ผลประกอบการคาดยังอยู่ในระดับสูงได้อีกจากฐาน Backlog ที่ ณ สิ้น 9M25 ยังมีกว่า 22,500 ล้านบาท โดยนิคมอมตะ 2 จะเป็นนิคมที่มีการโอนเพิ่ม หลังจากเริ่มโอนแล้วในช่วง 3Q25 ที่ผ่านมา ซึ่งยังมีรอโอนอีกกว่า 900 ไร่
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon






























