สวทช. จับมือ มูลนิธิ SOS ลงพื้นที่ “เชียงใหม่-ลำปาง-ลำพูน” ขยายผลโมเดลธนาคารอาหารแห่งชาติของประเทศไทย กู้วิกฤตขยะอาหารสู่ชุมชนเปราะบาง

12

มิติหุ้น – สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) เดินหน้ายกระดับการจัดการอาหารส่วนเกินเพื่อลดปริมาณขยะอาหารในพื้นที่อย่างยั่งยืน ผ่านโครงการ “การขยายผลแนวทางการบริหารจัดการอาหารส่วนเกินเพื่อจัดตั้งธนาคารอาหารแห่งชาติของประเทศไทย (Thailand’s Food Bank)” โดยล่าสุด (15-19 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา) คณะทำงานโครงการฯ ได้ลงพื้นที่ภาคเหนือ ครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง และลำพูน เพื่อหารือร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ขยายผลและประยุกต์ใช้แนวทางบริหารจัดการอาหารส่วนเกิน (Food surplus) และประยุกต์ใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ สวทช. สนับสนุนการบริหารจัดการอาหารส่วนเกิน ในการช่วยแก้ปัญหาการเกิดขยะอาหารและการสูญเสียอาหารซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มความมั่นคงทางอาหารแก่กลุ่มเปราะบาง พร้อมเก็บข้อมูลเชิงลึกในกระบวนการบริจาคอาหาร รวมถึงลงพื้นที่ในชุมชนที่ได้ดำเนินการแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขยายผลโครงการฯ อย่างน้อย 30 จังหวัด ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ ภายในปี 2571

ดร.ปัทมาพร ประชุมรัตน์ นักวิจัยนโยบายอาวุโส และหัวหน้าโครงการ Food Bank สวทช. เปิดเผยว่า การลงพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดตั้งธนาคารอาหารแห่งชาติของประเทศไทย โดยเฉพาะด้านการสร้างความมั่นคงทางอาหารผ่านการจัดตั้งธนาคารอาหารที่มีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และด้านการพัฒนาสังคมด้วยการสนับสนุนให้อาสาสมัครในท้องถิ่นมีบทบาทเป็นพี่เลี้ยงในการกอบกู้อาหารส่วนเกินคุณภาพดี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนอย่างยั่งยืน

สำหรับการดำเนินงานในจังหวัดเชียงใหม่ คณะทำงานฯ ได้มุ่งเน้นการศึกษาต้นแบบการจัดการอาหารส่วนเกินในพื้นที่เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่มีความหนาแน่นสูง โดยศึกษาการเชื่อมโยงระบบขนส่งและการกระจายอาหารจากผู้ประกอบการโรงแรมและห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ไปสู่ศูนย์พักพิงและกลุ่มเปราะบางในเขตเมือง เพื่อวางโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการทรัพยากรอาหารให้สอดคล้องกับสภาพสังคมเมืองที่มีปริมาณอาหารส่วนเกินจำนวนมากในแต่ละวัน โดยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ คณะทำงานฯ ได้เข้าพบนายอัศนี บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ นางนุสรา ยันตรโกวิท ปลัดเทศบาลนครเชียงใหม่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อลดขยะอาหารในพื้นที่เทศบาลนครเชียงใหม่

ในพื้นที่จังหวัดลำปาง คณะทำงานฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากภาคธุรกิจเข้าร่วมประชุมหารือ ณ โรงแรมเวียงลคอร เพื่อวางแนวทางดึงภาคเอกชนและเครือข่ายผู้ประกอบการในท้องถิ่นเข้ามาเป็นฟันเฟืองสำคัญในระบบธนาคารอาหาร โดยมีนายพีระรักษ์ พิชญกุล ประธานหอการค้าจังหวัดลำปาง กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมการประชุม ประกอบด้วย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานรัฐ ผู้ประกอบการในพื้นที่ และจิตอาสาจำนวน 27 คน โดยได้แลกเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานร่วมกันของภาคีเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อพัฒนาระบบการจัดการอาหารส่วนเกินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตั้งแต่การคัดแยก การรวบรวม การกระจาย/ส่งต่อ ไปจนถึงการนำกลับมาใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม ตลอดจนการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนจังหวัดลำปางสู่การลดการสูญเสียอาหารอย่างเป็นรูปธรรม และเกิดความยั่งยืนในระยะยาว พร้อมกันนี้ยังได้ลงพื้นที่ร่วมกับอาสาสมัครรักษ์อาหารจังหวัดลำปาง เพื่อเยี่ยมชมกระบวนการรับและแจกจ่ายอาหารให้แก่กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ชุมชนบ้านสามขา และบ้านแม่ทะ เพื่อประเมินประสิทธิภาพการทำงานของอาสาสมัครในระดับชุมชน

และในจังหวัดลำพูน คณะทำงานฯ ได้ประสานงานร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำพูน โดยมี นายรุ่งโรจน์ สุนทร ท้องถิ่นจังหวัดลำพูน ร่วมประชุม พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือแนวทางขยายผลร่วมกับเครือข่ายตัวกลางในพื้นที่ ณ โรงแรมแกรนด์ปา แอนด์ รีสอร์ท โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานรัฐ และเครือข่ายจิตอาสามากกว่า 15 คน ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลภาคสนามในการกอบกู้อาหารจากห้างสรรพสินค้า เพื่อส่งต่อให้กับกลุ่มเปราะบางในชุมชนบ้านขว้าง ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ยังได้เข้าพบนายนพดา อธิกากัมพู ประธานหอการค้าจังหวัดลำพูน พร้อมด้วยผู้ประกอบการท้องถิ่นเพื่อหารือความร่วมมือการขยายผลโครงการ โดยในเบื้องต้นผู้ประกอบการในพื้นที่ได้แสดงความจำนงบริจาคอาหารส่วนเกินแล้วจำนวน 4 ราย

ด้าน ดร.วรรณพ วิเศษสงวน ที่ปรึกษาโครงการ กล่าวเสริมว่า ข้อมูลที่ได้รับจากการลงพื้นที่หารือความร่วมมือและขยายผลโครงการ ทั้งในจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง และลำพูนครั้งนี้ จะถูกนำไปพัฒนาโมเดลการจัดการที่เป็นระบบ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณขยะอาหารแต่ยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่ผู้ที่ขาดแคลนได้อย่างทั่วถึง โดย สวทช. และภาคีเครือข่ายจะมุ่งมั่นดำเนินโครงการนี้เพื่อบรรลุเป้าหมายการจัดตั้งธนาคารอาหารแห่งชาติของประเทศไทย เพื่อให้เป็นรากฐานสำคัญในการบริหารจัดการอาหารส่วนเกิน ลดปริมาณขยะอาหาร และเพิ่มความมั่นคงทางอาหารสืบไป

ขณะที่ นายทวี อิ่มพูลทรัพย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย มูลนิธิ SOS กล่าวถึงหลักการทำงานของ SOS ว่า ทาง SOS จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงผู้บริจาคกับอาสาสมัครเพื่อจัดการอาหารส่วนเกินอย่างเป็นระบบ โดยอาสาสมัครทุกคนต้องผ่านการอบรมด้านความปลอดภัยทางอาหารและการลงข้อมูลอย่างเข้มงวด ซึ่งมีเทคโนโลยีจาก สวทช. มาช่วยในเรื่องการตรวจสอบคุณภาพอาหารที่พร้อมส่งต่อสู่ชุมชนผู้เปราะบาง ได้แก่ Food Safety Guideline โดยไบโอเทค แพลตฟอร์มดิจิทัลจับคู่ผู้บริจาคและผู้รับ โดยเนคเทค และแพลตฟอร์มคำนวณ Carbon Footprint โดยเอ็มเทค ซึ่งมูลนิธิ SOS จะมีการทำงานร่วมกับ สวทช. อย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการส่งต่ออาหารส่วนเกินและร่วมกันสร้างการเติบโตของเครือข่ายธนาคารอาหารแห่งชาติของประเทศไทยในอนาคต

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon