 ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอซเซทโปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER เปิดเผยว่า NER ได้แต่งตั้ง บล.โนมูระ พัฒนสิน เป็นผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น (Lead Underwriter) พร้อมผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นอีก 7 บริษัท โดย NER จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วนการเสนอขาย 38.96% ของจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 770 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 1,540 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอซเซทโปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER เปิดเผยว่า NER ได้แต่งตั้ง บล.โนมูระ พัฒนสิน เป็นผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น (Lead Underwriter) พร้อมผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นอีก 7 บริษัท โดย NER จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วนการเสนอขาย 38.96% ของจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 770 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 1,540 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
โดยที่ผ่านมาบริษัทได้เดินสายโรดโชว์นำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุนในประเทศ และต่างประเทศ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันสำนักงาน ก.ล.ต. ได้แจ้งอนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ NER และเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม บริษัทได้รับแจ้งการมีผลใช้บังคับของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์(ไฟลิ่ง) เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะเข้าเทรดกระดาน SET พ.ย.นี้ โดยกำหนดราคา IPO ที่ 2.58 บ./หุ้น จอง 29-31 ต.ค.นี้
ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าในประเทศ ประมาณ 60% และส่งออกต่างประเทศ 40% โดยผลการดำเนินงานในปี 60 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 9,819.70 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 224.12 ล้านบาท และงวดครึ่งแรกปี 61 มีรายได้อยู่ที่ 3,976.51 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 166.67 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 4.19%
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน นำไปขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมจากปัจจุบันกำลังการผลิตยางรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 2.3 แสนตันต่อปี โดยในปี 62 บริษัทมีแผนการปรับปรุงเครื่องจักรของยางแผ่นผสม เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 6 หมื่นตัน/ปี งบลงทุนราว 40 ล้านบาท และในปี 63 มีแผนสร้างโรงงานยางแท่ง (Standard Thai Rubber 20: STR20) และยางแท่งผสม (STR Mixtures Rubber) เพิ่มอีก 1 โรง กำลังการผลิตรวม 1.72 แสนตัน/ปี งบลงทุนราว 456 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าส่งผลให้ปี 63 กำลังการผลิตรวมจะเพิ่มเป็นเท่าตัว นอกจากนี้ จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
ทั้งนี้ เมื่อรวมการลงทุนในเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงเครื่องจักรยางแผ่นผสมที่จะแล้วเสร็จในปี 2562 และการลงทุนก่อสร้างโรงงาน ยางแท่ง STR และยางแท่งผสมแห่งใหม่ที่จะแล้วเสร็จในปี 2563 จะส่งผลให้บริษัทมีกําลังการผลิตยางพาราแปรรูป รวมทั้งโรงงานเป็น 465,600 ตันต่อปี
www.mitihoon.com

 
                






















