ทอท. ยืนยันไม่มีการปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง

97

มิติหุ้น-ทอท.บริหารงาน และยังคงจัดเก็บค่าบริการในอัตราเดิม คือ ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 700 บาท และผู้โดยสารภายในประเทศ 100 บาท

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า ตามที่สื่อสังคมออนไลน์ได้มีการเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ หรือ PSC ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง  จาก 100 บาท เป็น 300 บาท นั้น  ทอท.ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ทอท.ได้ปรับค่า PSC ครั้งล่าสุด เมื่อคราวเปิดให้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในปี 2549 โดยท่าอากาศยานของ ทอท.ทั้ง 6 แห่งจัดเก็บค่า PSC ภายใน ประเทศที่อัตรา 100 บาทต่อคน และค่า PSC ระหว่างประเทศที่อัตรา 700 บาทต่อคน ซึ่งปัจจุบัน ทอท.ยังคงจัดเก็บค่า PSC ในอัตราเดิมที่กำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2549 โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นระยะเวลากว่า 10 ปีแล้ว และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเสนอปรับอัตราค่า PSC ต่อคณะกรรมการการบินพลเรือนแต่อย่างใด

นายนิตินัย กล่าวเพิ่มเติมว่า อัตราค่า PSC ที่ ทอท.จัดเก็บอยู่ในปัจจุบัน เป็นไปตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง ค่าบริการผู้โดยสารขาออก ณ สนามบินอนุญาตซึ่งให้บริการแก่สาธารณะ พ.ศ.2560 ซึ่งออกตามความในกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ โดยประกาศดังกล่าวได้กำหนดอัตราค่า PSC สำหรับสนามบินที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทอท.กรณีเดินทางไปต่างประเทศ เรียกเก็บได้ครั้งละไม่เกิน 700 บาท และกรณีเดินทางภายในประเทศ เรียกเก็บได้ครั้งละไม่เกิน 100 บาท

สำหรับรายได้จากการจัดเก็บค่า PSC นั้น กฎหมายได้กำหนดให้ผู้บริหารท่าอากาศยานนำไปใช้ในการจัดหาและปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และการบำรุงรักษาด้านความปลอดภัยท่าอากาศยานให้เป็นไปตามมาตรฐานของท่าอากาศยานในระดับสากลเท่านั้น โดย ทอท.ได้นำรายได้จากการจัดเก็บค่า PSC ไปดำเนินการในโครงการก่อสร้างต่างๆ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานที่ ทอท.บริหารงาน รวมทั้งการพัฒนาด้านเทคโนโลยีในท่าอากาศยานทุกแห่ง ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อผู้โดยสารที่จะได้รับความปลอดภัย และความสะดวกสบายจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ ทอท.จัดไว้รองรับ ตลอดจนการจัดส่งรายได้ที่จะส่งผลต่อการขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม

ทั้งนี้ ทอท.มีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานต่างๆ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้ ทอท.สามารถดำเนินธุรกิจเคียงข้างสังคมไทยและเติบโตได้อย่างยั่งยืน