PTTยันประเมินราคาน้ำมันปี61เคลื่อนไหวในกรอบ52-58ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะงบลงทุน5ปีที่3.4 แสนล้านบาท พร้อมร่วมลงทุนกับกฟผ.ในทุกด้านพลังงาน

132

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. หรือPTT กล่าวว่า จากที่กลุ่มโอเปกควบคุมการผลิตน้ำมันดิบประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซั่นของการใช้น้ำมัน รวมถึงอากาศที่หนาวเย็นกว่าปกติส่งผลให้มีการใช้น้ำมันมากขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันในช่วงระยะสั้นปรับตัวขึ้นเฉลี่ยที่ระดับ 67 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

อย่างไรก็ตามปตท.ยังคงไม่ปรับเป้าการประเมินราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยยังคาดการณ์ว่าราคาน้ำดิบดูไบในปี2561 ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ52-58 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากมองว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันเชลแก๊สของสหรัฐอเมริกามีโอกาสที่จะเพิ่มแท่นขุดเจาะผลิตน้ำมันรองรับความต้องใช้ที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะเป็นตัวที่กดดันราคาน้ำมันลดลง ขณะเดียวกันเมื่อพ้นจากช่วงไฮซีซั่นคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันจะลดลง

สำหรับแผนการลงทุน 5 ปี(2561-2565)ยังคงงบลงทุนที่ 3.4 แสนล้านบาท โดยในส่วนนี้จะใช้สำหรับการดำเนินงานปรับโครงสร้างบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด หรือ PTTOR ราว 1.2 แสนล้านบาท เพื่อให้ PTTOR นำเงินไปซื้อสินทรัพย์จาก ปตท. โดยคาดว่าจะเริ่มโอนกิจการได้ภายในปี 2561 และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2562ส่วนที่เหลือใช้ดำเนินการตามแผนการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน

นายเทวินทร์ ยังกล่าวถึงการร่วมลงทุนด้านพลังงานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ(กฟผ.)ว่า การร่วมมือจะทำให้รัฐวิสาหกิจมีความมั่นคงและแข็งแกร่งมากขึ้นในการลงทุนซึ่งจะทำให้เห็นบทบาทสำคัญมากขึ้นในการลงทุนด้านพลังงาน ดังนั้นการร่วมมือกันเป็นเรื่องสำคัญในกิจการด้านพลังงาน โดยความร่วมมือกับกฟผ.นั้นเป็นไปได้เนื่องจากมีการเจรจากันอย่างต่อเนื่อง โดยกฟผ.เป็นผู้ผลิตไฟฟ้า ปตท.ผลิตและจัดจำหน่ายก๊าซก็อาจจะมีส่วนร่วมลงทุนกันได้ แต่เพื่อการต่อยอดธุรกิจปตท.ก็มีโอกาสร่วมลงทุนกับเอกชนรายอื่นได้เช่นกัน

ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะลดบทบาทรัฐวิสาหกิจพลังงานนั้นบทบาทของ ปตท. ก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของเศรษฐ หากรัฐบาลต้องการความมั่นคงรัฐวิสาหกิจจะเข้าไปลงทุนแทรรัฐ แต่หากธุรกิจใดที่มีการแข่งขัน มีความมั่นคง ก็ควรจะปล่อยให้มีการแข่งขันอย่างอิสระและเป็นธรรม

ทั้งนี้พลังงานควรมองควบคู่กับความมั่นคง ฝ่ายกำกับรัฐวิสาหกิจรก็ควรเปิดให้เอกชนเข้ามาแข่งขันอย่างเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ เช่น การแข่งขันในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ มีโอกาสการแข่งขันมากขึ้น มีทิศทางให้เอกชนเข้ามาแข่งขันมากขึ้น

www.mitihoon.com