โดย รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการ ผู้บริหารฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์
ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่าสหรัฐฯ กำลังเพ่งเล็งนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของไทยและการเข้าแทรกแซงค่าเงินบาทเพื่อสนับสนุนภาคส่งออกอาจส่งผลให้ไทยถูกกีดกันการค้า ทั้งนี้ นับตั้งแต่เปิดปีใหม่เป็นต้นมา เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว จนแทบจะทำสถิติรายวัน โดยในเดือนมกราคมเพียงเดือนเดียวเงินบาทแข็งค่าราว 3.5% เป็นอันดับที่สองรองจากเงินริงกิตมาเลเซียซึ่งแข็งค่า 3.9% ขณะที่เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 หลังจากแข็งค่าไปแล้วกว่า 9% ในปี 2560 แม้มูลค่าการส่งออกในภาพรวมขยายตัวสดใสสอดคล้องกับทิศทางการค้าโลกที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่หากเงินบาทยังแข็งค่าต่อไปในอัตรารวดเร็วเช่นนี้ การตั้งราคาขายสินค้าจะทำได้ลำบากยิ่งขึ้น และจะกดดันความสามารถในการแข่งขันด้านราคารวมทั้งอัตรากำไรของภาคส่งออกของไทยอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะเดียวกันประเทศที่เกินดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ในระดับสูง เช่น ไทย มักตกเป็นเป้าหมายของการพักเงินของกองทุนต่างชาติ
น่าสนใจว่ารัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐฯ กล่าวในเวทีประชุม World Economic Forum ว่าสงครามการค้าได้ดำเนินมาระยะหนึ่งแล้ว นอกจากนี้ รัฐบาลทรัมป์ของสหรัฐฯ เปิดฉากใช้มาตรการภาษีศุลกากรอัตราสูงเรียกเก็บจากการนำเข้าเครื่องซักผ้าและแผงเซลล์แสงอาทิตย์จากเกาหลีใต้และจีน เพื่อปกป้องธุรกิจในสหรัฐฯ ซ้ำเติมประเทศคู่ค้าซึ่งถูกกระทบจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าในปีนี้ตลาดการเงินจะผันผวนสูงแม้เงินบาทประเดิมปีจอด้วยการเคลื่อนไหวทางเดียว แต่ในระยะข้างหน้าปัจจัยเสี่ยงสำคัญ อาทิ แนวโน้มนโยบายการเงินของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ สัญญาณการเร่งตัวของเงินเฟ้อโลก และการปรับฐานของราคาสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น ตลาดจะหนีคลื่นแห่งความแปรปรวนไม่พ้น อนึ่ง แม้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวภายใต้การจัดการนับว่ามีความยืดหยุ่นและเอื้อให้ทางการดูแลการไหลเข้าออกของเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเปรียบเทียบ แต่ระบบดังกล่าวย่อมไม่สามารถทวนกระแสหลักของตลาดโลกหรือเอื้อประโยชน์ทางการค้าได้ในระยะยาว ผู้ประกอบการจึงควรป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งอาจใช้จังหวะที่เงินดอลลาร์อยู่ในช่วงขาลงนำเข้าเทคโนโลยียกระดับการผลิตซึ่งจะสามารถลดต้นทุนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์เพื่อก้าวข้ามการแข่งขันด้านราคาได้ในที่สุด
