5 อันดับข่าวเด่นมิติหุ้นภาคบ่าย

328

อันดับที่ 1 SPCG ตั้งเป้ารายได้ปี 61 โตไม่ต่ำกว่า 10% จ่อ COD โรงไฟฟ้าญี่ปุ่นกำลังการผลิต 30 MW เม.ย.นี้

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เอสพีซีจี หรือ SPCG โดยนางสาววันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการ เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปี 61 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%  จากปีก่อนอยู่ที่ 6,122.26  ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 2/61 บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จาก โครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่น ณ เมือง ทัตโตะริ กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์  ที่จะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในเดือน เม.ย.61 ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าที่จะมีรายได้จากการติ้ดและจำหน่ายโซลาร์รูฟท็อปไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 1,500 ล้านบาน ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 1/61 จะใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากในช่วงไตรมาสแรกจะยังไม่มีการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าใหม่ๆเข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป ส่วนสิ้นปี 60 บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมอยู่ที่ 260 เมกะวัตต์

อันดับที่ 2 GPSC มั่นใจปี 61 รายได้โตกระโดด ลุยขยายลงทุนผลิตไฟฟ้าให้กลุ่ม ปตท.  รุกพลังงานน้ำในลาว คาดได้ข้อสรุปปีนี้

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ หรือ GPSC โดยนายเติมชัย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า คาดปี 2561จะมีกำไรดีขึ้น ขณะที่รายได้รวมจะเติบโตก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 3,174 ล้านบาท รายได้รวม 21,289 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้จะรับรู้รายจากโรงไฟฟ้าเต็มกำลังการผลิตทั้งหมด 6 โครงการกำลังการผลิต 1,530 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกัน GPSC ยังเตรียมขยายลงทุนโครงการใหม่ยังต่อเนื่องโดยเน้นการลงทุนตามกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ที่ยังมีความต้องการใช้ไฟฟ้าในโรงงาน โรงกลั่นในพื้นที่เขตเศรฐกิจพิเศษ (EEC) ราว 1,000 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกัน GPSC อยู่ระหว่างพิจารณาซื้อกิจการโรงไฟฟ้าในไทยหลายรายเสนอขายกิจการ พร้อมมองหาโอกาสลงทุนในต่างประเทศ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาลงทุนผลิตไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเมียนมา 2-3 แห่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้

อันดับที่ 3 TKN ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 12-15% รุกปั้นสินค้าสู่โกลบอลแบรนด์ วางงบลงทุนรวม 100 ลบ.  

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN โดยนายอิทธิพันธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 2561 เติบโต 12-15% จากยอดขายปี 2560 โตเฉลี่ยประมาณ 12% โดยมีแผนรุกตลาดทั้งต่างประเทศและในประเทศ และมีแผนใช้งบลงทุนรวม 100 ล้านบาท เพื่อใช้พัฒนาปรับปรุงเครื่องจักรสำหรับแผนขยายตลาดต่างประเทศ บริษัทมีแผนรุกตลาดอเมริกาและจีน โดยตลาดอเมริกา หลังจากบริษัทเข้าไปลงทุนซื้อโรงงานผลิตสาหร่ายต่อจากเผู้ประกอบการรายเดิม มูลค่ากว่า 2 ล้านหรียญสหรัฐ บริษัทมีแผนเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ภายใน 3 เดือนนี้ คาดจะส่งผลให้มีกำลังการผลิตมูลค่ารวมราว  10 ล้านเหรียญ ภายในระยะเวลา 18 เดือนถัดไป ส่วนตลาดจีนมีแผนขยายดิสทริบิวชั่นเพิ่มเติม และทำมาร์เก็ตติ้งควบคู่ไปด้วยเพื่อกระตุ้นยอดขาย นอกจากนี้  ในปี 2567 บริษัทมีเป้าหมายสร้างยอดขายเติบโตในระดับ 1 หมื่นล้านบาท ตามแผนสร้างเถ้าแก่น้อยเป็น Global Brand โดยมีสัดส่วนยอดขายต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 80% จากปัจจุบัน 60%

อันดับที่ 4 BFIT พุ่ง 9 % ด้านเทคนิคให้แนวต้านสูงสุดที่ 44 บาท/หุ้น

มิติหุ้น- ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ.เงินทุน ศรีสวัสดิ์ หรือ BFIT ตลอดทั้งวันปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 42 บาท/หุ้น บวก 9 % ส่วนราคาปิดที่ 41.25 บาท/หุ้น บวก7.14 % ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 362.26 ล้านบาท ด้านทวิเคราะห์เทคนิค บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ระบุว่า ราคาหุ้น  BFIT ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคต่อเนื่อง พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐาน ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง  จึงแนะนำซื้อ โดยมีแนวรับที่ 40.75 บาท/หุ้น และ 40.00 บาท/หุ้น ส่วนแนวต้านที่ 43.00 บาท/หุ้น และ 44.00 บาท/หุ้นเป็นจุดขายทำกำไร STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 38.50 บาทลงไป

อันดับที่ 5 WORK แข็งแกร่งบวกแรงกูรูมั่นใจหุ้นมี UPSIDE 22.8 %

มิติหุ้น-ความเคลื่อนราคาหุ้น WORK หรือ บมจ.เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ บวก 5.7 % ราคาปิดตลาดที่ 83.50 บาท/หุ้น บวก 4.50 บาท หรือ+ 5.70 % ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 827.72 ล้านบาท ด้านบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เออีซี ระบุว่าราคาช่วงที่ผ่านมาได้ปรับตัวลงสะท้อนผลดำเนินงานช่วงไตรมาส4/2560 ที่อ่อนแอไปลแว จนทำให้ราคาหุ้นปัจจุบัน มี UPSIDE 22.8 % จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2561 ที่ 97 บาท (อิงวิธี DCF)และล่าสุดบริษัทประกาศจ่ายปันผลจากกำไรช่วงครึ่งหลังของปี 2560 อีกหุ้นละ 0.90 บาท จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”