UAC มั่นใจธุรกิจไบโอดีเซลปี 2018 ฟื้นตัวสดใส ลุยศึกษาต่อยอดธุรกิจ High Value Products สร้างรายได้เติบโตก้าวกระโดดระยะยาว

149

มิตหุ้น-บมจ.ยูเอซี โกลบอล (UAC) ส่งสัญญาณธุรกิจไบโอดีเซลปีนี้ฟื้น เชื่อนโยบายรัฐหนุนใช้ B7 ต่อเนื่อง และ Stock น้ำมันปาล์มดิบอยู่ในระดับสูง จึงหมดปัญหา  Stock Loss เหมือนสองปีที่ผ่านมาได้  ด้านกรรมการผู้จัดการ “ชัชพล ประสพโชค” เผยลุยศึกษาแผนการลงทุนต่อยอดธุรกิจธุรกิจไบโอดีเซลไปยังผลิตภัณฑ์ High Value Added (HVA) Products เพิ่มขึ้น หวังสร้างรายได้เติบโตก้าวกระโดดในระยะยาว ส่วนปีนี้มั่นใจรายได้แตะ 2 พันล้านบาท จากการเติบโตธุรกิจเทรดดิ้ง พลังงานทดแทน

นายชัชพล ประสพโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC บริษัทชั้นนำด้านพลังงานสะอาด ปิโตรเคมี สาธารณูปโภค สู่ความยั่งยืนแห่งอนาคต  กล่าวว่า สถานการณ์ภาพรวมธุรกิจไบโอดีเซล ปีนี้มีแนวโน้มสดใสมากขึ้น จากการส่งเสริมของนโยบายภาครัฐที่มีการกำหนดให้ปรับเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซล (B 100) ในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจากเดิมร้อยละ 5% หรือ B5 เป็นร้อยละ 7 หรือ B7 สำหรับน้ำมันดีเซลในประเทศอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้สถานการณ์ของ Stock น้ำมันปาล์มดิบในประเทศปีนี้คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 400,000 ตัน และผลผลิตปาล์มดิบในฤดูกาลใหม่จะเริ่มเข้ามาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2561 เป็นต้นไป จึงคาดว่าปริมาณน้ำมันปาล์มดิบสูงมากกว่าความต้องการใช้ในประเทศเป็นจำนวนมาก

ประกอบกับภาคธุรกิจคาดว่าราคาน้ำมันปาล์มดิบในปีนี้มีแนวโน้มทรงตัวหรือลดลงต่ำกว่า กิโลกรัมละ 19.5 บาทได้ และไม่น่ามีความผันผวนเรื่องราคามาก โอกาสที่จะเกิดการขาดแคลนวัตถุดิบ จนทำให้ภาครัฐต้องปรับนโยบายการผสม B7 เป็น B5 หรือ B3 ไม่น่าจะมี ซึ่งธุรกิจไบโอดีเซลจะไม่ต้องรับภาระเรื่อง Stock Loss เหมือนสองปีที่ผ่านมา

 กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC กล่าวเพิ่มว่า สำหรับผลประกอบการของธุรกิจไบโอดีเซลในไตรมาส 1/2561 ที่บริษัทฯถือหุ้นร้อยละ 30 ในบริษัท บางจาก     ไบโอฟูเอล จำกัด น่าจะออกมาดีกว่า ปี 2560 ค่อนข้างมาก เพราะมีการเดินโรงงาน (Plant Utilization) กว่าร้อยละ 90 ของกำลังผลิตสูงสุดที่ 24 ล้านลิตร/เดือน คาดการณ์ว่า EBITDA ของธุรกิจนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย ปีละ 400 ล้านบาท

 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ ที่จะต่อยอดธุรกิจไบโอดีเซล เพื่อการทำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มี High Value Added (HVA) Products อาทิเช่น การผลิต Refined Glycerin สำหรับอุตสาหกรรมเครื่องสำอางค์ การทำ Biopolymer เพื่อทดแทนเม็ดพลาสติกต่างๆ ด้วย ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มี Margin ในระดับสูง เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ในรูปแบบเดิม

“ดังนั้นจึงมั่นใจว่าผลการดำเนินของบริษัทในปีนี้จะมีการเติบโตได้อย่างโดดเด่นและมีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ขณะที่  EBITDA  คาดว่าไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาท  ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจด้านเคมีภัณฑ์ ที่มีการนำเข้าและจำหน่ายสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำมัน โรงกลั่น และปิโตรเคมี ตามแผนการขยายธุรกิจต่อเนื่อง” นายชัชพล กล่าว

ที่มา:บริษัท มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด

www.mitihoon.com