Valuation หุ้นไทย กลับมาน่าซื้อ แต่ยังคาดหุ้นเล็กจะเด่นกว่าหุ้นใหญ่

226

ผลจากข่าวลบทั้งระดับมหภาค เช่น ข่าวสงครามการค้า สหรัฐฯ – จีน (ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ คาดเป็นเพียงเกมเจรจาการค้าของทางฝั่งสหรัฐฯเท่านั้น คาดผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถเจรจาตกลงกันได้ในที่สุด และในกรณีเลวร้ายที่ตกลงกันไม่ได้เราประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยน้อยมาก), ข่าว สนช. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญขอให้ตีความ พรบ.สส. (ตลาดฯกังวลกระทบ Roadmap เลือกตั้ง) / และข่าวลบระดับรายกลุ่มอุตสาหกรรมฯ เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (สงครามฟรีค่าธรรมเนียม กระทบรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย), กลุ่มโรงไฟฟ้า (ภาครัฐฯ พักการประมูลรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน) เป็นต้น ทำให้ดัชนี SET index ปรับตัวลงแรงหลุดแนวรับ 1760 จุด ลงมาถึงแนวรับสำคัญที่เราประเมินไว้คือบริเวณ 1730 จุด แล้วเริ่มรีบาวด์ อย่างไรก็ดี เราประเมินหลังจากนี้ในระยะ 1 – 3 เดือน หุ้นกลาง – เล็ก ที่ปัจจัยพื้นฐานดี จะกลับมา Outperform แทนหุ้นใหญ่ (Investment style rotation)

ปัจจัยที่ต้องติดตามหลังจากนี้ i) ข่าวการช่วยเหลือกลุ่ม ทีวีดิจิตอล (ยืดเวลาชำระหนี้การประมูลใบอนุญาติ) และกลุ่มสื่อสาร (ยืดเวลาชำระหนี้การประมูลคลื่น 900MHz) ซึ่งจากข่าวสารล่าสุดคือน่าจะมีความชัดเจนภายในเดือน เม.ย.นี้ ii) ข่าวความคืบหน้าเรื่อง สงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯ – จีน ซึ่งแม้จะไม่กระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยตรง แต่จะกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน iii) ข่าวการตีความ พรบ.สส. ของศาลรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ดี หากตัดปัจจัยลบที่มารบกวนบรรยากาศการลงทุนทั้งหลายที่กล่าวมาข้างต้น ฝ่ายวิจัยฯประเมินในเชิงพื้นฐานหลังจากที่ปรับปรุงประมาณการกำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ใหม่แล้ว เราประเมินระดับดัชนี SET index 1740 ลงมา เป็นระดับ Forward PE ที่น่าสนใจลงทุนแล้ว ดังนั้นสำหรับนักลงทุนที่เน้นปัจจัยพื้นฐานเราแนะนำ “ทยอยสะสม” สำหรับปัจจัยทางเทคนิค เราประเมินแนวรับสำคัญถัดไปจะอยู่ที่ 1720 จุด / แนวต้าน 1750 จุด และ 1780 จุด ตามลำดับ

ส่วนหุ้นเด่น หุ้นกลุ่มหลัก เน้น “สะสม” กลุ่มค้าปลีก CPALL, COM7 , หุ้นที่ฝ่ายวิจัยฯ Initiate coverage ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้แก่ NYT แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 7.0 บาท และหุ้นมีข่าวซื้อกิจการ SPPT, SIMAT

 

สุโชติ ถิรวรรณรัตน์
ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)