“TLUXE ” มั่นใจปีนี้ Turnaround จ่อรับทรัพย์โครงการโรงไฟฟ้า พร้อมลุยผลิตพลังงานลม  

110

มิติหุ้น-CFO “สุวิทย์ วรรณะศิริสุข” เผย มั่นใจปีนี้ผลการดำเนินงาน Turnaround จ่อรับทรัพย์โครงการธุรกิจพลังงานตามแผน  พร้อมเดินหน้าจัดตั้ง Infrastructure Fund ให้เสร็จทันภายในปีนี้ มั่นใจหลังการตั้งกองทุนเสร็จ หนุนศักยภาพการลงทุน และเพิ่มความแข็งแกร่งทางธุรกิจมากขึ้น

นายสุวิทย์ วรรณะศิริสุข ผู้อำนวยการสายบัญชีและการเงิน บริษัท ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TLUXE  ผู้นำด้านธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ ตลอดจนเป็นผู้นำด้านธุรกิจพลังงานความร้อนใต้พิภพ (Geothermal Energy) ในประเทศญี่ปุ่นรายแรกของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำ Geothermal Energy รายใหญ่ที่สุด ในเมืองเบปปุ  จ.โออิตะ ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากบริษัทฯ มีแผนเปิดดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ในปีนี้ จำนวน 32 โครงการ ไม่นับรวมโครงการที่ COD พร้อมรับรู้รายได้แล้ว

ในปี 2560  จำนวน 15 โครงการ  พร้อมกันนี้ บริษัทฯ เตรียม COD โรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากปี 2560 เพิ่มอีก 9 โครงการ ภายในเดือนเมษายน – พฤษภาคมนี้ ส่งผลให้ภายในปี 2561 จะมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงาน ความร้อนใต้พิภพ  รวมทั้งสิ้นจำนวน 56 โครงการ หรือกำลังการผลิตเทียบเท่ากับ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 56 เมกะวัตต์

ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม บริษัทฯ มีแผนเปิดดำเนินการ COD จำนวน 20 ยูนิต โดยจะเริ่มทยอยเปิดดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป  ซึ่งไม่นับรวมโครงการที่เปิดดำเนินการ COD แล้ว จำนวน 7 ยูนิต ในปี 2560 ส่งผลให้บริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมทั้งสิ้น 27  ยูนิต โดยมีอัตราขายไฟฟ้าอยู่ที่ 55 เยน/กิโลวัตต์-ชั่วโมง และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเป็นระยะเวลา 20 ปี

“จากแผนการขยายการลงทุนของ TLUXE ในปีนี้ เชื่อว่าผลการดำเนินงานของบริษัมจะกลับมาTurnaround ภายในปีนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากบริษัทฯจะรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า ในประเทศญี่ปุ่น ที่ผลิตเเละขายไฟฟ้าให้กับ Kyushu Electric ได้เเล้ว ประกอบการบริษัทฯยังเร่งเดินหน้าผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม  ในอัตราขายไฟฟ้าสูงสุด 55 เยน/กิโลวัตต์  ถึง 20 ปี”นายสุวิทย์ กล่าว

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการสายบัญชีและการเงิน บมจ.ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์  (TLUXE) ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งกองทุน Infrastructure Fund ในประเทศญี่ปุ่นว่า  ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาแผนความเป็นไปได้ ในการจัดตั้งกองทุน และอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อหาบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินในประเทศญี่ปุ่นโดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ เนื่องด้วยรายได้จากโครงการโรงไฟฟ้ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าการตั้งกองทุน Infrastructure Fund จะทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพทางการลงทุนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

“ กองทุน Infrastructure Fund เราต้องศึกษาอย่างรอบคอบ รวมทั้งการเปิด COD ของโครงการโรงไฟฟ้าเดินหน้าได้ตามแผนมากขึ้น เพื่อสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่โดดเด่นเมื่อออกกองทุน ซึ่งคาดว่าในเร็วๆ นี้   จะสามารถสรุปความคืบหน้าของการจัดตั้งกองทุนได้ ” นายสุวิทย์ กล่าว

ส่วนด้านธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ สัตว์เลี้ยงนั้น นายสุวิทย์ กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 1/2561 มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกุ้ง จากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ กุ้ง และ ปลาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้ยอดขายทั้งปี จะเติบโตได้ประมาณ 33% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่ระดับ 1,800 ล้านบาท มาแตะที่ระดับ 2,400 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนการลงทุนในโครงการ Pet Center แบบครบวงจร เพื่อต่อยอดธุรกิจด้านอาหารสัตว์เลี้ยง โดยปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งเป็นรูปแบบ Franchise ตั้งแต่ขนาด เล็ก กลาง และใหญ่ รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ต่อการลงทุนในลักษณะการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าอาหารสัตว์  หลังมองแนวโน้มการเติบโตในอนาคต คาดว่าโครงการจะเปิดได้ภายในปีนี้