ฟื้นต่อ แต่ต้องระวังการขายทำกำไรรายตัวหลังงบฯออก

114

ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ทีผ่านมารีบาวด์ต่อได้ตามคาด แต่เรายังคงประเมิน Valuation ของ SET index ณ ตอนนี้ยัง “ไม่ถูก” และยิ่งเสี่ยงที่จะถูกปรับลดประมาณการกำไรลง หลังราคาน้ำมันพักฐานแรง (หุ้นกลุ่มพลังงาน เสี่ยง Inventory loss ใน 4Q61) อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าสงครามการค้าระหว่าง จีน – สหรัฐฯ น่าจะเริ่มผ่อนคลายลง และลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่คาดจะออกมาเร็วๆนี้ ซึ่งน่าจะทำให้บรรยากาศการลงทุนใน 1 – 2 สัปดาห์นี้ดีขึ้นต่อเนื่องบ้าง รวมทั้งประเด็นความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้งของไทย ที่น่าจะทำให้หุ้น Domestic play กลับมาโดดเด่น สำหรับนักลงทุนที่ทยอยซื้อหุ้นตามที่เราแนะนำเมื่อดัชนี SET index ยืนเหนือ 1675 จุด แนะนำ “ถือ / Let profit run” โดยประเมินแนวต้าน 1710 – 1720 จุด โดยกำหนดจุด Stop loss ที่ 1650 จุด

สำหรับประเด็นเรื่อง Valuation ของ SET index นั้น เรายังคงมุมมองเดิมว่าอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลที่เร่งตัวขึ้นแรงและเร็วกว่าคาด ขณะที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนนั้นในปีนี้ยังเร่งตัวขึ้นตามไม่ทัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดประมาณการฯโดยเฉพาะในกลุ่มพลังงาน หากราคาน้ำมันดิบไม่ฟื้นตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปี (คาดเสี่ยงเกิด Inventory loss) นอกจากเรื่องของอัตราดอกเบี้ย ประเด็นเรื่องของ Cyclical adjusted PE: CAPE หรือ PE ที่คำนึงถึงเรื่องวัฏจักรเศรษฐกิจและเงินเฟ้อไว้ในการคำนวณที่ปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูงเกือบ 20 เท่า แสดงให้เห็นว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยนอกจากเร่งตัวขึ้นไม่ทันดอกเบี้ยรอบนี้แล้ว ในระยะยาวที่ผ่านมายังปรับขึ้นหนีเงินเฟ้อไม่ได้อีกด้วย สามารถดูรูปเพิ่มเติม ในบทวิเคราะห์ Quantamental ประจำเดือน  พ.ย.2561 ของฝ่ายวิจัยฯ บล เคจีไอ (ประเทศไทย) เราจึงอาจสรุปได้ว่า ณ ตอนนี้ หากใช้ประมาณการฯปี 2561 ในการคำนวณ Valuation ของ SET index นั้น “ไม่ถูก”

อย่างไรก็ดี ประเด็นข้อมูลข่าวสารต่างๆที่เป็นบวกมากขึ้นในขณะนี้คงช่วยประคับประคองดัชนี SET index ให้ Sideway หรือ Sideway up ได้ อาทิเช่น i) ผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯที่ออกมา พรรครีพับลิกัน (ฝั่งของทรัมป์) ยังครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา แต่พรรคเดโมแครตกลับมาชนะเลือกตั้งสภาผู้แทนฯ ทำให้เกิดความคาดหวังในเรื่องของการคานอำนาจที่เพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้ลดแรงกดดันต่อการประกาศสงครามการค้าในอนาคต ii) การกำหนดกรอบเวลาการเลือกตั้งของไทยที่ชัดเจนมากขึ้น คาดจะเป็น Sentiment บวกต่อการลงทุน โดยเฉพาะต่อนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบัน เป็นต้น แม้ว่าเราจะประเมินว่าภาพรวมดัชนี SET index จะยังประคับประคองตัวไปได้ก็ตาม แต่เราแนะนำให้นักลงทุน ระมัดระวัง แรงขายทำกำไรหุ้นรายตัวในลักษณะ Sell on fact หลังรายงานผลการดำเนินงาน 3Q61

เราประเมินกลยุทธ์ที่เหมาะสมในขณะนี้ ควรเป็นการ Selective buy ในหุ้นที่ผลการดำเนินงานดี หรือ มีธีมการลงทุนที่ชัดเจน เช่น กลุ่มนิคมฯ (AMATA, WHA) กลุ่มรับเหมาฯ (SEAFCO, PYLON, STEC, CK) กลุ่มค้าปลีก (CPALL, COM7) และกลุ่มที่ราคาหุ้นลุ้นรีบาวด์ เช่น SCC, BANPU เป็นต้น สำหรับหุ้นที่เราเลือกจากโมเดลเชิงปริมาณ Quantamental สำหรับเดือน พ.ย.2561 ได้แก่ CPF, KTB, AMATA, และ ASK

โดยสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย

บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)

www.mitihoon.com