BAYสั่งจับตาร่างงบประมาณอิตาลี

54

มิติหุ้น – ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โดยนางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการ ผู้บริหารฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ เปิดเผยว่า ทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.90-33.25 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 33.02 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่านักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2.1 พันล้านบาท แต่ขายพันธบัตร 1.9 พันล้านบาท

ส่วนเงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับเงินยูโรและเงินเยน หลังจากผลเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ เป็นไปตามคาด โดยพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ส่วนพรรครีพับลิกันยังคงครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้ต่อไป ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยในช่วง 2.00-2.25% และยังคงประเมินภาวะเศรษฐกิจในเชิงบวก

ทั้งนี้ มองว่าตลาดจะให้ความสนใจการยื่นร่างงบประมาณฉบับใหม่ของรัฐบาลอิตาลีต่อสหภาพยุโรป รวมถึงข้อมูลเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ โดยล่าสุดเฟดแสดงความเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงการจ้างงาน การจับจ่ายใช้สอยของภาคครัวเรือนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจซึ่งสนับสนุนการคาดการณ์ของเฟดเรื่องแนวทางขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ขณะที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว 3 ครั้งในปีนี้ และมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอีกครั้งในการประชุมวันที่ 18-19 ธันวาคม โดยเฟดระบุว่าเงินเฟ้ออยู่ใกล้เป้าหมายที่ระดับ 2% รวมทั้งการว่างงานลดลง และความเสี่ยงต่อทิศทางเศรษฐกิจอยู่ในภาวะสมดุล อนึ่ง แถลงการณ์ครั้งนี้ไม่ได้ระบุถึงความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และไม่ได้ระบุถึงโอกาสที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงในปี 2562 อย่างไรก็ดี เฟดตั้งข้อสังเกตเรื่องการลงทุนของภาคธุรกิจที่แผ่วลงในระดับปานกลาง

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ในการประชุมวันที่ 14 พฤศจิกายน โดยมองว่ามีโอกาสที่กนง.จะเสียงแตกมากขึ้นในการลงมติเทียบกับผลโหวต 5 ต่อ 2 เสียงในการประชุมเมื่อเดือนกันยายน แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยจะทรงตัวที่ระดับต่ำ แต่ความเสี่ยงด้านเสถียรภาพในระยะยาวเริ่มสะสมความเปราะบางสะท้อนจากพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น ซึ่งขาดการประเมินความเสี่ยงที่แท้จริงจากการลงทุน

นอกจากนี้ กนง.ต้องการรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน (Policy Space) ในระยะข้างหน้า เราคาดว่าทางการจะตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 1.75% ในเดือนธันวาคม 2561 หากการชะลอตัวของภาคส่งออกอยู่ในระดับที่ยังสามารถประคับประคองได้