ตลาดยังเจอแรงขายส่งท้ายปี

63

ยิ่งเข้าใกล้สิ้นปี 2561 ตลาดหุ้นดูเหมือนยิ่งอ่อนกำลังลงด้วยแรงเทขายที่มีต่อเนื่องนะครับ ล่าสุดเมื่อคืนวันจันทร์ (24 ธ.ค.) ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงไปอีก 2.9% เนื่องด้วยความกังวลจากเรื่องการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (Government Shutdown) เนื่องจากตกลงงบประมาณไม่ได้ รวมถึงข่าวที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจปลดประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จากความไม่พอใจที่มีการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม FOMC ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งตลาดหุ้นเองมีปัจจัยกังวลเดิมอยู่แล้ว จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงแต่ดอกเบี้ยเป็นทิศทางขาขึ้น ตลาดการลงทุนจึงมีความกังวลเพิ่มขึ้น แม้ว่าทางรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ จะมีการประชุมร่วมกับผู้บริหารธนาคาร 6 แห่งของสหรัฐฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องสภาพคล่องหลังลดปริมาณเงินในระบบจากการทำ QE  แต่อย่างไรก็ตามตลาดมองว่า สหรัฐฯ กำลังมีความกังวลต่อทิศทางตลาดและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจากสงครามการค้า ดังนั้น ด้วยปัจจัยลบเหล่านี้จึงส่งผลให้เกิดแรงขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯและกดดันมาถึงตลาดหุ้นเอเชีย

อีกประเด็นที่ส่งผลต่อตลาดในตอนนี้ราคาน้ำมันดิบ (Brent) ที่ปรับตัวลงแตะระดับ 50 เหรียญฯ  จากปริมาณน้ำมัน (Supply) ที่เพิ่มขึ้นเกินความต้องการ จึงเป็นผลลบต่อผู้ผลิตน้ำมันและผู้ประกอบการที่อิงรายได้กับราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆด้วย

ด้วยปัจจัยลบที่กดดันตลาดช่วงใกล้สิ้นปีนี้ มุมมองของ KTBST คาดว่า สัปดาห์ทำการสุดท้ายของปี 2561 ข้อมูลเศรษฐกิจหรือตลาดหุ้นที่สำคัญๆ จะมีน้อยมาก มีเพียงการประกาศตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯในวันสุดท้ายของสัปดาห์เท่านั้น  โดยตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงเข้าใกล้กรอบแนวรับสำคัญที่ระดับ  1,550-1,560 จุด ขณะที่ปัจจัยในประเทศเองไม่มีปัจจัยบวกหนุนตลาดมากนัก ดังนั้นการที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯและญี่ปุ่นปรับตัวลงแรง จะดึงให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนและอ่อนตัวลงตามไปด้วย ทั้งนี้หาก SET Index ลงต่ำกว่า 1,560 จุด แนะนำให้นักลงทุนพิจารณาลดน้ำหนักลงทุนในหุ้นบางกลุ่มลงบ้าง โดยเฉพาะหุ้นที่อิงกับภาวะตลาดหรือไม่มีปัจจัยบวกในตัวสนับสนุน  เช่น กลุ่มธนาคาร , น้ำมัน , ปิโตรเคมี เป็นต้น 

อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ลงทุนในภาวะตลาดเช่นนี้ นักลงทุนอาจพิจารณาถือหุ้นต่อไปได้นะครับหากไม่มีปัจจัยลบเข้ามากดดันตลาดให้ปรับลงไปอีก ซึ่งในช่วงสัปดาห์สุดท้ายนี้ตลาดหุ้นไทยอาจมีแรงซื้อจากกองทุน LTF-RMF เข้ามาพยุงดัชนีฯไว้บ้าง นักลงทุนควรรอจังหวะเข้าซื้อหากตลาดเริ่มปรับตัวขึ้น โดยประเด็นสำคัญที่ต้องจับตามองคือ ผลการเจรจาการค้าสหรัฐฯกับจีนที่จะกลับมาเจรจากันในเดือน ม.ค. 2562 โดยหุ้นที่ KTBST แนะนำคือหุ้นที่มีปัจจัยบวกจากธุรกิจของตัวเองและหุ้นที่ราคาปรับลงมามาก ควรมองเป็นจังหวะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวหรือใช้เป็นที่พักเงินได้ เช่น  หุ้น CPALL , MTC, ERW, THANI

สุดท้ายนี้ขอย้ำกับนักลงทุนท่านว่าความเสี่ยงและความผันผวนของตลาดการลงทุนยังมีอยู่มากและเชื่อว่าในปี 2562 ตลาดการเงินและการลงทุนทั่วโลกจะความผันผวนเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว นักลงทุนควรกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง พร้อมกับมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม ขณะเดียวกันควรติดตามข่าวสารการลงทุนอย่างต่อเนื่องนะครับ… ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุนในปี 2562 และขอให้ทุกท่านมีสุขภาพที่แข็งแรง สมปรารถนาในทุกสิ่งที่มุ่งหวัง สวัสดีปีใหม่ 2562 ครับ …

โดยชาตรี  โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)

ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้”  https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php

www.mitihoon.com