THAI ไตรมาส1/62 กำไร 456 ลบ. หดตัว 83.3% ขณะที่รายได้รวมทำได้กว่า 4.9 หมื่นลบ. ลดลง 6.9% เหตุรายได้จากการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าลดลง

347

ผู้สื่อข่าว (มิติหุ้น) รายงานว่า บมจ.การบินไทย หรือ THAI โดยนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2562 มีกำไรสุทธิ 456 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 2,281 ล้านบาท หรือคิดเป็น 83.3% มีรายได้รวมทั้งสิ้น 49,791 ล้านบาท ต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 3,675 ล้านบาท หรือ 6.9% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลเงินที่เป็นรายได้หลัก การแข่งขันที่รุนแรง ประกอบกับมีปริมาณการขนส่งผู้โดยสารลดลง เนื่องจากปริมาณการผลิตลดลง

ส่วนค่าใช้จ่ายรวม 50,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 989 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.0% โดยมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจากการเปลี่ยนประมาณการมูลค่าคงเหลือของเครื่องบินและเครื่องยนต์ ค่าเช่าเครื่องบินและอะไหล่เพิ่มจากการรับมอบเครื่องบินเช่าดำเนินงานในระหว่างปี 2561 จำนวน 3 ลำ และการเช่าเครื่องยนต์อะไหล่เพิ่มขึ้น เป็นต้น

โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีจำนวนเครื่องบินที่ใช้ในการดำเนินงาน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 จำนวน 103 ลำ ต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 1 ลำ ในจำนวนนี้มีเครื่องบินที่ใช้บริการได้จริงเฉลี่ยในไตรมาส 1 ของปี 2562 จำนวน 90 ลำ ต่ำกว่าปีก่อนที่เฉลี่ย 94 ลำ ส่วนหนึ่งเกิดจากผลกระทบจากกรณีเครื่องยนต์โรลส์รอยซ์ Trent 1000 ต่อเนื่องจากปีก่อน และการจอดเครื่องบินเพื่อทำการซ่อมบำรุงตามตารางการซ่อมบำรุงปกติ

อย่างไรก็ตาม อัตราการใช้ประโยชน์ของเครื่องบิน (Aircraft Utilization) เท่ากับ 12.5 ชั่วโมง สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่เท่ากับ 11.9 ชั่วโมง มีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) ลดลง 2.8% และมีปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) ลดลง 3.2%  มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 80.3% ต่ำกว่าปีก่อนซึ่งเฉลี่ยที่ 80.6% และมีจำนวนผู้โดยสารที่ทำการขนส่งรวมทั้งสิ้น 6.29 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน 0.6%

ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมจำนวน 267,277 ล้านบาท ลดลงจากวันที่ 31 ธันวาคม 2561 จำนวน 1,444 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.5% มีหนี้สินรวมเท่ากับ 243,700 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 จำนวน 4,565 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.8% และส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวน 23,577 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2561 จำนวน 3,121 ล้านบาท หรือคิดเป็น 15.3%