DDD รับรายได้ต่ำเป้าเล็กน้อย หลังปรับมาตรฐานบัญชีใหม่ พร้อมเร่งปิดดีล M&A แบรนด์ใหม่ คาดสรุปเร็วๆ นี้

120

มิติหุ้น – DDD รับรายได้ปีนี้ต่ำเป้า คาดทำได้ 1.3-1.4 พันลบ จากเดิม 1.45 พันลบ. หลังปรับมาตรฐานบัญชีใหม่-พร้อมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ตลอดปี อยู่ระหว่างเจรจาเทกโอเวอร์แบรนด์ดังเพิ่ม หวังจบก่อนสิ้นปี 1 ดีล วางกรอบเงินลงทุน 100-1,000 ลบ.

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ. ดู เดย์ ดรีม หรือ DDD โดยนางสาวชนกนันท์ เทียมรัตน์ นักลงทุนสัมพันธ์  เปิดเผยว่า บริษัทยอมรับรายได้ปีนี้จะสามารถทำได้ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้  โดยคาดจะอยู่ที่ 1,300-1,400 ล้านบาท จากเป้าเดิมที่ 1,450 ล้านบาท   ผลจากการปรับเปลี่ยนมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 15 เรื่องรายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า (TFRS15) เป็นครั้งแรก และได้รับผลกระทบจาก บริษัท ซีโน่-แปซิฟิค เทรดดิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าในประเทศ ที่ทำยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะต่อสัญญากับบริษัทดังกล่าวหรือไม่ เนื่องด้วยภายในเดือนมิ.ย.นี้จะสิ้นสุดสัญญาที่ทำไว้ร่วมกัน ซึ่งหากสรุปว่าไม่ต่อสัญญา ทางตัวแทนจำหน่ายจะต้องคืนสินค้าให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้ โดยบริษัทฯ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯ จะมีการแต่งตั้งทีมขายขึ้นเอง

อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/62 น่าจะทำได้ดีกว่าไตรมาส 1/62 เนื่องจากจะมีการรับรู้ยอดขายของผลิตภัณฑ์ใหม่ SNAIL WHITE GOLD ที่ออกมาในช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา และรับรู้ยอดขายของผลิตภัณฑ์ SoS (เอะสึ โอ เอะสึ) ที่ออกไปในช่วงเดือนมี.ค.62 ขณะที่ก็เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์ PRETT ii FACE จำนวน 2 ผลิตภัณฑ์ ในช่วงปลายเดือนมิ.ย.นี้ แต่คาดว่าจะสามารถรับรู้ยอดขายเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งปีจำนวน 8 ผลิตภัณฑ์ โดยครึ่งปีแรกจะออกผลิตภัณฑ์จำนวน 2 ผลิตภัณฑ์ และที่เหลือจะออกในช่วงครึ่งปีหลัง โดยได้วางงบการตลาดไว้ที่ 200 ล้านบาท เพื่อใช้ทำ Sale โปรโมชั่น ในการดึงดูดการซื้อสินค้า โดยคาดว่าอัตรากำไรสุทธิทั้งปีจะอยู่ที่ 14-15% จากปีก่อนทำได้ 13.91%

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในธุรกิจเสริมความงาม หรือเฮลแคร์ในประเทศ บริษัทฯ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงปลายปีนี้จำนวน 1 ราย จากปัจจุบันที่อยู่ระหว่างเจรจาทั้งสิ้น 2-3 ราย ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนตั้งแต่ 100-1,000 ล้านบาท

ในส่วนของต่างประเทศ เตรียมเปิดตัวแทนจำหน่ายในจีนอีก 1 ราย จากปัจจุบันมีอยู่ 2 ราย เนื่องจากมีความต้องการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศจีน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายดังกล่าวได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ส่วนในฟิลิปปินส์ ยอดขายมีการเติบโตต่อเนื่อง  และอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในอินโดนีเซีย เพื่อแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายหรือการเข้าไปร่วมลงทุน (JV) เพื่อนำสินค้าแบรนด์ SNAIL WHITE เข้าไปวางจำหน่าย

www.mitihoon.com