BEM ยิ้มยอดใช้บริหาร5เดือนพุ่ง มั่นใจต่ออายุทางด่วนฉลุย (28/06/62)

330

มิติหุ้น – BEM เผยช่วง 5 เดือนแรก ยอดผู้โดยสารรถไฟฟ้าโต 4% ส่วนทางด่วนโตเฉลี่ย 1.3% คาดผลงานไตรมาส 2/62 โตเพิ่มขึ้น โบรกฯ ประเมินข้อพิพาทต่ออายุสัมปทานทางด่วนโอกาสยกเลิกน้อย ชี้กำไรครึ่งปีหลังพุ่ง หลังเปิดเดินรถไฟฟ้าสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และมีโอกาสคว้างานประมูลเพิ่ม แนะ“ซื้อ” เป้า 12.10 บาท

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ หรือ BEM ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและทางด่วน โดยแหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรม เผยว่า ภาพรวมผู้โดยสารใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (MRT) ในช่วง 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.62) เติบโตอยู่ที่ 4% มีจำนวนผู้โดยสารราว 316,000 เที่ยวคนต่อวัน ขณะที่การให้บริการทางด่วนเติบโตเฉลี่ย 1.3% หรือมีจำนวนรถยนต์ใช้บริการประมาณ 1,236,942 เที่ยวต่อวัน ดังนั้น คาดแนวโน้มไตรมาส 2/62 จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า และภาพรวมการให้บริการทางด่วนจะเติบโตเพิ่มขึ้น

โอกาสเลิกสัมปทานน้อย  
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ประเมินว่า จากที่อัยการสูงสุดสั่งทบทวนร่างสัญญาขยายอายุสัมปทานทางด่วน 30 ปี หลังจากที่ประชุมสหภาพแรงงาน กทพ. ได้มีมติยืนยันคัดค้านร่างสัญญาระงับข้อพิพาทกับ BEM ที่ผ่านมา เนื่องจากอาจจะมีการข้ามขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง และไม่ได้พิจารณาผลกระทบที่จะมีต่อภาครัฐอย่างรอบคอบ มองว่า ศาลมีคำสั่งให้กทพ.ชดใช้ BEM แล้ว โอกาสที่จะยกเลิกการต่ออายุสัมปทานมีน้อยมาก แม้อาจจะมีความเสี่ยงที่อาจจะมีการต่อรองที่ทำให้ BEM ได้ประโยชน์น้อยลง

คาดกำไรครึ่งปีหลังพุ่ง
ทั้งนี้คาด BEM จะมีกำไรปกติปี 62 ประมาณ 3.7 พันล้านบาท เติบโต 17% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยกำไรครึ่งหลังปี 62 จะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก จากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย และปรับประมาณการปี 62-63 เพิ่ม 3% และ 7% ตามลำดับ โดยมองว่า BEM มีโอกาสเติบต่อเนื่องในอนาคตจากโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะมีการประมูลเพิ่มขึ้นหลังจากการเลือกตั้ง และมีโอกาสปรับราคาเป้าหมายขึ้นจาก Upside จากการได้โครงการในอนาคต

แนะ”ซื้อ” อัพเป้า 12.10 บ.
ขณะที่ราคาหุ้น BEM ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จากการชนะคดีข้อพิพาทกับ กทพ. และมีการปรับกำไรขึ้นจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และมองว่า BEM มีโอกาสเติบต่อเนื่องในอนาคตจากโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะมีการประมูลเพิ่มขึ้นหลังจากการเลือกตั้ง ดังนั้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมปรับราคาเป้าหมายเป็น 12.10 บาท จากเดิมที่ 11.30 บาท และมีโอกาสปรับราคาเป้าหมายขึ้นจาก Upside จากการได้โครงการในอนาคต