BGRIM เซียนส่องงบโตระเบิด200% ปักธงจ่ายไฟ 5,000 MW (1/08/62)

284

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ หรือ BGRIM ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้ารายใหญ่ โดย “บล.ฟินันเซีย ไซรัส” เผยว่า  แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/62 คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 710 ล้านบาท เติบโต 229.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เติบโต 33.3% จากไตรมาสก่อน เพราะจะรวมรายการพิเศษเข้ามาประมาณ 140 ล้านบาท (FX Gain ทางบัญชีราว 200 ล้านบาท หักสำรองค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มตามกฎหมายแรงงานใหม่ราว 70 ล้านบาท)

โชว์งบไตรมาส2สุดหรู

ทั้งนี้หากนับเฉพาะกำไรปกติจะอยู่ที่ 570 ล้านบาท เติบโต 28.7% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 17.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรปกติที่เติบโตจากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากมีรายได้ขายไฟเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล และเริ่มรับรู้รายได้โครงการโซลาร์ในเวียดนาม 2 แห่ง ตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ส่วนกำไรปกติลดลง 17.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนนั้น ส่วนใหญ่จาก Gross margin ที่ลดลงจากราคาก๊าซเริ่มลดลง ค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มตามการขยายธุรกิจ และค่าใช้จ่ายการเงินเพิ่มขึ้น

ส่วนแนวโน้มผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลัง จะเร่งตัวมากขึ้น จากการรับรู้โรงไฟฟ้าเต็มปี โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าที่ทยอย COD ในปีก่อน และรับรู้รายได้โครงการโซลาร์ในเวียดนาม 2 แห่ง(ซึ่งมีมาร์จิ้นสูง) เต็มไตรมาส ดังนั้น 3 ปีข้างหน้า (62-64) คาดกำไรปกติจะเติบโตเฉลี่ย 30%ต่อปี

ลุ้นโรงไฟฟ้าล็อตใหญ่-เป้า39บ.

พร้อมกันนี้ BGRIM ยังมีโอกาสได้โครงการใหม่ในต่างประเทศเพิ่มเติมด้วย  เช่น โรงไฟฟ้าพลังลมที่เกาหลี  100-150 MW  , โรงไฟฟ้า SPP ที่มาเลเซีย ขนาด 200 MW รวมทั้งอยู่ระหว่างศึกษาโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ลาวขนาด 300-350 MW โครงการใหม่ที่เวียดนาม และโครงการโซลาร์ที่ฟิลิปปินส์ขนาด 50-200 MW แนะนำ “ถือ”เป้าหมาย 36 บาท

ด้าน “บล.เคทีบี (ประเทศไทย)” เผยว่า ฝ่ายวิจัยให้ BGRIM เป็นหุ้น Top pick ในกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ล่าสุดเดือน มิ.ย.ผ่านมามีโรงไฟฟ้า Solar farm ที่ประเทศเวียดนาม COD  2 โครงการรวม 677 MW  อีกทั้งอยู่ระหว่างเจรจาโครงการ Wind farm ทั้ง Onshore และ Offshore รวม 3 แห่ง กำลังการผลิตราวแห่งละ 100MW คาดรู้ผลในช่วงครึ่งปีหลังนี้ โดยทั้งปี 62 คาดกำไรปกติทำนิวไฮที่ 3.2 พันล้านบาท เติบโตโดดเด่น 73% จากปีก่อน แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 39 บาท

ผลงานทำนิวไฮ-รุก5,000MW

ด้าน “นางปรียนาถ สุนทรวาทะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า แนวโน้มผลประกอบการโดยรวมยังคงเติบโตโดดเด่น เพราะบริษัทจะไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า ประกอบกับมีโรงไฟฟ้าที่  COD เพิ่มเติมอีก 3 แห่ง ได้แก่ 1.โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ “น้ำแจ 1” กำลังผลิต 15 MW (ถือ 72%), 2.โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มประเทศเวียดนาม 2 แห่ง กำลังผลิตรวม 677 MW คือ Dau Tieng Tay Ninh Energy กำลังผลิต 420 MW (ถือ 55%) และ Phu Yen TTP กำลังผลิต 257 MW (ถือ 80%) ทำให้บริษัทมีโรงไฟฟ้าที่ COD รวมทั้งสิ้น 46 โครงการ กำลังผลิตรวม 2,892 MW และอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาอีก 11 โครงการ ซึ่งจะ COD ภายในปี 68 ทำให้มีกำลังการผลิตรวมเป็น 3,245 MW

อย่างก็ดีในช่วงเดือน ธ.ค.62 นี้ จะมีโรงไฟฟ้า COD เพิ่มอีก 1 แห่ง คือ โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม “โปรเกรส อินเตอร์เคม” กำลังผลิต 4.8MW (ถือ 48%) ดังนั้นจากการทยอย COD โรงไฟฟ้าตลอดทั้งปีจะผลักดันให้ปี 62 รายได้จะเติบโตทำนิวไฮตามเป้าหมายที่วางไว้ 15-20% เมื่อเทียบกับปีก่อน

พร้อมกันนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุน และ ซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์) โรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มเติมอีกหลายแห่ง ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถทยอยปิดดีลได้ภายในปี 62 นี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายมีโรงไฟฟ้าภายใต้การบริหาร 5,000 MW ภายในปี 2565