EA ตั้ง 2 บ.ย่อย ทำธุรกิจกำจัดขยะ-ผลิตและขายรถบัสไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า ชี้กำไรQ3โตระเบิด

563

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA โดย “นายอมร ทรัพย์ทวีกุล” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า บริษัทได้อนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ 2 บริษัท คือ 1. บริษัท สมาร์ท เวสท์ เมเนจเมนท์ จำกัด “Smart Waste Management Co., Ltd.” (SWM) ทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 100,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท EAถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% ของทุนจดทะเบียน เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการกำจัดขยะทุกประเภท

ส่วน 2. บริษัท อีวีนาว จำกัด ทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 100,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาทEA ถือหุ้นในสัดส่วน 74.98% ของทุนจดทะเบียน(สำหรับสัดส่วนหุ้น 25%นั้น ถือโดยบุคคลธรรมดา 1 ราย ที่ไม่เข้าข่ายบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทจดทะเบียน) เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายรถบัสไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า และยานพาหนะ อื่นทุกประเภท รวมถึงธุรกิจบริการขนส่งสาธารณะ โดยแหล่งเงินทุนมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

ด้าน“นางสาวออมสิน ศิริ” ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร เผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/62 จะเติบโตโดดเด่น เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของโรงไฟฟ้าพลังงานลม และยังรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจาก “โครงการหนุมาน 10” จ.ชัยภูมิ ขนาด 80 MW ด้วย (COD วันที่ 13 เม.ย.) ดังนั้นทำให้โครงการหนุมาน COD ครบถ้วน 260 MW และผลักดันให้มีโรงไฟฟ้าที่ COD รวมทั้งสิ้น 664 MW แบ่งเป็นพลังงานลม 386 MW และ โซลาร์ 278 MW

ดังนั้นทั้งปี 62 มั่นใจรายได้จะเติบโตทำนิวไฮแตะที่ 1.5 หมื่นล้านบาท หรือ เติบโต 18.52% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1.26 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีโรงไฟฟ้าที่ COD เพิ่มขึ้น ส่วนในปี 63 ตั้งเป้ารายได้ทำนิวไฮต่อเนื่องที่ระดับ 2 หมื่นล้านบาท เติบโตเกิน 30% จากปีก่อน เพราะบริษัทจะรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าเข้ามาเต็มปีที่ 664 MW รวมถึงเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ อย่าง “ธุรกิจผลิตรถไฟฟ้า” ล่าสุดมียอดจองแล้ว 4,500 คัน ราคาประมาณ 1.2 ล้านบาท/คัน มูลค่ารวม 5.4 พันล้านบาท คาดจะเริ่มส่งมอบในช่วงไตรมาส 1/63 ล่าสุดบริษัทมีโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าที่ จ.ฉะเชิงเทรา คาดในอนาคตจะสามารถขยายการผลิตได้ถึง10,000 คัน/ปี

“ การมีรถไฟฟ้าออกมามากขึ้นนั้น ทำให้บริษัทมีรายได้จากสถานีชาร์จไฟฟ้าด้วย เพราะที่ผ่านมาได้จับมือ 4 พันธมิตรใหญ่ เชฟรอน, บริดจสโตน, CPALL, ROBINS ติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า 1,000 แห่ง” นางสาวออมสิน กล่าว

ส่วน “ธุรกิจแบตเตอรี่” ขนาด 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปีนั้น  คาดจะสามารถขายได้ไม่เกินไตรมาส 2/63 ซึ่งจะสร้างรายได้ประมาณ 3 พันล้านบาท  ขณะที่ “ธุรกิจเรือไฟฟ้า” ในปี 63 มีแผนประกอบเรือรวม 54 ลำ ซึ่งจะเริ่มเปิดทดลองให้บริการในเส้นทางแม่น้ำเจ้าพระยาในปลายเดือนก.ย.62นี้ จำนวน 2 ลำ มูลค่าลงทุนรวมกว่า 1 พันล้านบาท

สำหรับ “ธุรกิจไบโอดีเซล” ปัจจุบันมีแผนเดินหน้าโครงการสร้างเพิ่มมูลค่าไบโอดีเซล จากปัจจุบันมีกำลังผลิตรวม 8 แสนลิตร/วัน  ส่วน “โครงการกรีนดีเซล” ซึ่งมีคุณสมบัติเหมือนน้ำมันดีเซลแต่กลั่นมาจากน้ำมันปาล์ม ซึ่งสามารถใช้แทนน้ำมันดีเซลได้นั้น ก็กำลังได้รับอานิสงส์จากมาตราการ IMO 2020 ที่จะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.63 นี้ด้วย ทำให้มียอดขายจาก“โครงการกรีนดีเซล” เพิ่มขึ้น

ด้าน “บล.ฟิลลิป” แนะนำ “ทยอยซื้อ” EA เป้าหมาย 56 บาท เนื่องจาก EA รับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนเต็ม 664 MW ในช่วงครึ่งปีหลัง  ดังนั้นทั้งปี 62 คาดกำไรสุทธิและรายได้จะเติบโตทำนิวไฮที่ 22 % ต่อปี ส่วน “บล.ฟินันเซีย ไซรัส” แนะนำ “ซื้อ” EA ราคาเป้าหมาย 62 บาท

 

www.mitihoon.com