รู้ทันการลงทุน กับ KGI (สุโชติ ถิรวรรณรัตน์)
ภาพรวม SET index สัปดาห์ผ่านมา ฟื้นตัวขึ้นมาจากประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน ที่แม้ว่าจะยังไม่มีการลงนามอย่างเป็นทางการแต่ก็เริ่มมีความคืบหน้า รวมทั้งประเด็น Brexit ที่มีความคืบหน้าและมีความหวังว่ามีการบรรลุข้อตกลงระหว่างกลุ่มอียู กับ อังกฤษ ก่อนที่อังกฤษจะออกจากกลุ่มอียู อย่างไรก็ดีระหว่างสัปดาห์มีประเด็นข่าวลบ เรื่องความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ – จีน เป็นระยะๆ (ประเด็น สหรัฐฯแทรกแซงความไม่สงบฮ่องกง, จีนเรียกร้องเพิ่มเติมก่อนที่จะมีการลงนาม เป็นต้น) เป็นปัจจัยถ่วงการฟื้นของ SET index อยู่บ้าง เราประเมินภาพรวมสัปดาห์นี้ยังเป็นลักษณะของการ Sideway up ในกรอบ แนวรับ 1625 จุด แนวต้าน 1645 – 1660 จุด
สำหรับหุ้นขนาดใหญ่ใน SET50 และ SET100 การ Selective buy ในช่วงที่ผ่านมา เป็นการหมุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์, โรงกลั่น, ปิโตรเคมี เป็นต้น ไปยังหุ้นกลุ่ม Defensive ได้แก่ โรงไฟฟ้า, สื่อสาร, AOT เป็นต้น แต่เราประเมินว่า ราคาหุ้นกลุ่ม Defensive โดยเฉพาะกลุ่มโรงไฟฟ้าเริ่มที่จะเต็มมูลค่า และเราประเมินว่าการปรับขึ้นในขณะนี้เป็นผลจาก i) Momentum trade, ii) ดอกเบี้ยต่ำ, iii) Risk premium ต่ำ ทำให้หุ้นกลุ่มนี้มีการปรับขึ้นจนทำให้อัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง หรือ Cost of Equity อยู่ในระดับที่ต่ำมาก เราจึงประเมินว่า Upside ของหุ้นกลุ่มเหล่านี้เริ่มจำกัด
ล่าสุดทาง กลต, ตลาดหลักทรัพย์, และสมาคมนักวิเคราะห์ฯ ร่วมจัดทำโครงการ “จัดทำบทวิเคราะห์หลักทรัพย์สำหรับผู้ลงทุน” โดยมุ่งเน้นไปที่หุ้นขนาดกลาง – เล็กที่พื้นฐานดี และไม่ค่อยมีบทวิเคราะห์ เป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ บล เคจีไอ (ประเทศไทย) ได้จัดทำบทวิเคราะห์หุ้น AMA, EPCO, และ FSMART สำหรับโครงการนี้ โดยแนะนำ “ซื้อ” AMA (เป้าพื้นฐาน 8.1 บาท), EPCO (เป้าพื้นฐาน 5.3 บาท), และแนะนำ “ถือ” FSMART (เป้าพื้นฐาน 6.8 บาท) เราประเมินว่ามีโอกาสที่นักลงทุนจะเริ่มกลับมาพิจารณาหุ้นขชนาดกลาง – เล็กที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานดี และความเสี่ยงต่ำ แทนที่หุ้นขนาดใหญ่ที่ Upside จำกัด และมีความเสี่ยงพักฐาน อย่างไรก็ดีสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยและถือหุ้น Defensive เช่น โรงไฟฟ้า, สื่อสาร อยู่ แนะนำ “ถือ / Let profit run” โดยกำหนดจุดล๊อกกำไรหากมีการพักฐาน (อาจใช้เส้นค่าเฉลี่ย 10 วันเคลื่อนที่)
www.mitihoon.com
