ตลาดฟื้นตัวช่วงสั้น จับจังหวะลงทุนหุ้นที่ราคาถูก

90

คอลัมน์ KTBST Build  Your Net Worth

ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันจันทร์ (4 พ.ย.) ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นสูงผ่านระดับ 1,600 จุดขึ้นมาอีกครั้ง โดย SET Index ปิดตลาดบวกไปได้ถึง 1,622.25 จุด  +29.73 จุด (+1.87%)  ทิศทางตลาดดูเหมือนจะพลิกกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากปัจจัยบวกสำคัญอย่างเรื่องการลงนามข้อตกลงทางการค้าที่คาดว่าจะเกิดขึ้นไม่เกิน 2 สัปดาห์ข้างหน้า จากการเปิดเผยของรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ว่าสหรัฐฯจะบรรลุข้อตกลงกับจีนในขั้นแรกภายในเดือนนี้ ซึ่งจะมีประเด็นที่คาดว่าบริษัทสหรัฐฯจะได้รับใบอนุญาติให้จำหน่ายสินค้ากับบริษัทหัวเว่ยของจีน เป็นปัจจัยบวกในระยะสั้นต่อหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ , ปิโตรเคมีและโรงกลั่น 

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ จึงเริ่มมีทิศทางเปลี่ยนมาเป็นขึ้นตามตลาดโลกหลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นไทยปรับตัวลงแรงจากปัจจัยต่างประเทศและในประเทศเอง เช่น ความกังวลต่อเศรษฐกิจที่ชะลอลง , การถูกตัดสิทธิ GSP จากสหรัฐฯที่กระทบต่อบรรยากาศการลงทุน  แต่แรงขายของนักลงทุนในช่วงที่ผ่านมาทำให้หุ้นหลายกลุ่มมีราคาถูกตลาดหุ้นไทยจึงถูกมองว่าปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาดโลก (Laggard) โดยดัชนี MSCI Thailand ลดลง 1.6% ตั้งแต่เดือน ต.ค.เป็นต้นมา ขณะที่ MSCI Emerging market ปรับตัวบวกถึง 6.3% ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีช่วงโอกาสของการปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ  KTBTS จึงประเมินแนวรับของหุ้นไทยจากเดิมที่ 1,550-1,580 จุด มาเป็นที่ระดับ 1,600 จุด โดยมีโอกาสเห็นดัชนีขึ้นแตะ 1,640 จุดได้ หากมีข่าวในเชิงบวกสนับสนุน

อย่างไรก็ตามยังเป็นการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นในระยะสั้น การเลือกลงทุนยังต้องเน้นหุ้นรายตัวที่ราคาปรับลงไปมาก รวมไปถึงกลุ่มที่ได้รับปัจจัยบวกการเจรจาการค้าเป็นหลัก ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีน้ำหนักต่อทิศทางตลาดมากที่สุดในเวลานี้ ขณะที่การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯล่าสุด ส่งผลบวกต่อตลาดบ้างแต่ทำให้ธนาคารประเทศอื่นมีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ยตาม รวมทั้งของประเทศไทยซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงินในวันที่ 6 พ.ย. ตลาดคาดการณ์ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5%  แต่มีแนวโน้มที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะลดดอกเบี้ยแบบกระทันหันเหมือนครั้งที่ผ่านมา หากต้องการกระตุ้นให้เงินบาทอ่อนค่าลงในระยะสั้น  ส่วนปัจจัยอื่นที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้ คือ รายงานตัวเลขการส่งออกของจีนในวันที่ 8 พ.ย. คาดว่าจะออกมาอยู่ที่ -3.5% เนื่องจากผลกระทบของการขึ้นภาษีจากสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา

กลยุทธ์ลงทุนในช่วงสั้น KTBST แนะนำหุ้นที่ได้ผลบวกจากการเจรจาการค้าสหรัฐฯกับจีนที่คืบหน้า เช่น กลุ่มปิโตเคมี (IVL ,IRPC ,PTTGC ,SCC)  กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (KCE ,DELTA , HANA) กลุ่มโรงกลั่น (TOP , SPRC)  ขณะที่สินทรัพย์อื่นๆ ยังคงแนะนำกระจายความเสี่ยงถือ ทองคำ ซึ่งปัจจุบันราคาเคลื่อนไหวที่ 1,500 เหรียญฯ ยังมองว่าความต้องการทองคำเพื่องป้องกันความเสี่ยงยังมีอยู่ รวมไปถึงตราสารหนี้เอกชนที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน  และอสังหาริมทรัพย์ประเภทโครงสร้างพื้นฐาน ติดตามข่าวสารการลงทุนได้จาก ”มุมความรู้”  https://www.ktbst.co.th/th/knowledge.php

                                 โดยชาตรี  โรจนอาภา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ 

                                                               บล. เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST)

 

www.mitihoon.com