การเจรจาการค้าดัน SET ตามตลาดโลก คาดดัชนีแตะ1,650 จุด แนะเลือกหุ้นที่ราคาลงไปมาก

47

มิติหุ้น-“ SET เริ่มมีแรงหนุนเดินหน้าตามตลาดโลก กระแสเงินลงทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง จากความมั่นใจการเจรจาการค้าและการอัดฉีดเงินของธนาคารกลาง แนะ เลือกหุ้นกลุ่มใหญ่ที่ได้แรงซื้อ และกลุ่มที่ราคาลงไปมาก ประเมินดัชนีวิ่งแตะ 1,650 จุด”  

มิติหุ้น-ดร.วิน  อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์  เคทีบี (ประเทศไทย)  จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST  เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ (11-15 พ.ย.) ตลาดหุ้นมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในเชิงบวก จากประเด็นเรื่องข้อตกลงทางการค้าของสหรัฐฯกับจีนที่คาดว่าจะตกลงกันได้ แม้จะมีข่าวว่าประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่เห็นด้วยที่สหรัฐฯจะถอนภาษีสินค้าจีนออกทั้งหมดแต่ก็ไม่เป็นปัจจัยลบต่อตลาด ภาพรวมของตลาดโลก ยังเชื่อว่าสหรัฐฯ จีนจะสามารถตกลงกันได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีต่อตลาด ทำให้บรรดาสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ เช่น ทองคำ , พันธบัตรรัฐบาล , REIT ปรับตัวลง ขณะที่กระแสเงินลงทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ต่อเนื่อง (MSCI EM +1.5% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า (WoW) ; MSCI Thailand +3.7% WoW) ขณะที่ราคาทองคำลดลง 3.7% ในช่วงเวลาเดียวกัน ดังนั้น KTBST ประเมินว่าการเจรจาการค้าจะเป็นปัจจัยหลักที่หนุนดัชนีฯสัปดาห์นี้ให้ขึ้นไปยืนเหนือ 1,650 จุดได้ จากสัปดาห์ก่อนที่ประเมินไว้ที่ 1,640 จุด

ทั้งนี้ การผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางที่ทำให้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของโลกสู่ขาลง โดยทั้งธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) กลับมาใช้นโยบายผ่อยคลายทางการเงิน (QE) ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้ลดดอกเบี้ยเหลือ 1.25% ในส่วนของมาตรการด้านค่าเงินนั้นเป็นการอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายเงินและเป็นบวกต่อตลาดหุ้น เพราะ ธปท. เลือกไม่ใช้นโยบายที่กดดันต่อค่าเงินบาทมากเกินและช่วยเหลือผู้ส่งออก

ส่วนการรายงานกำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3 นั้น ในวันที่ 14 พ.ย. จะเป็นวันส่งงบการเงินวันสุดท้าย โดยมีบริษัทรายงานกำไรออกมาแล้วจำนวน 167 บริษัท อยู่ที่ 1.15 แสนลบ. -14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY); และ -3.0% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ)  KTBST คาดกำไรทั้งหมดจะออกมาอยู่ที่ 2.1-2.2 แสนล้านบาทโดยพบว่าหุ้นกลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมี เป็นกลุ่มที่ดึงผลกำไรทั้งหมดของตลาดลดลง แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดได้สะท้อนเรื่องนี้ไประดับหนึ่งแล้วคาดว่าราคาจะไม่ลงต่อ

สำหรับกลยุทธ์ลงทุนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากกระแสเงินลงทุนกำลังกลับเข้าตลาด นักลงทุนควรเน้นไปที่หุ้นขนาดใหญ่ของตลาดที่คาดว่ามีแรงซื้อต่อเนื่อง และหุ้นที่เคยได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าหรือราคาลงมามาก ได้แก่ กลุ่มธนาคาร , ปิโตรเคมี , โรงกลั่นน้ำมัน , อีเล็คทรอนิคส์ ,  และโรงแรม โดยหุ้นเหล่านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดราว 20%  ประเมินกรอบดัชนีฯที่ 1,625-1,660 จุด หุ้นแนะนำในสัปดาห์นี้ได้แก่ SCC, IRPC, BBL, KCE, CENTEL , CBG , MTC , และ EA