เม็ดเงินกองทุน LTF ไหลเข้า เก็บ AMATA-CPALL-BGRIM (12/12/62)

605

มิติหุ้น- SET น่าจับตา! ชี้สัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้าเม็ดเงินกองทุน LTF ไหลเข้า 30,000 ล้านบาท ลุยลงทุนหุ้นใน SET 50 สแกนหุ้นราคาลงลึกแต่พื้นฐานสุดแกร่ง ได้แก่ AMATA-CPALL-BDMS-BGRIM-AOT-PTT-ADVANC-BBL มองดัชนีหุ้นไทยยังผันผวน หลังปัจจัยทั้งใน-ต่างประเทศรุมเร้า มองกรอบ 1,540-1,570 จุด

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ โดย “แหล่งข่าววงการหลักทรัพย์”  เปิดเผยว่า  ตลอดช่วงสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า จะเริ่มเห็นเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไม่น้อยกว่า 30,000 ล้านบาท โดยกองทุน LTF จะเลือกลงทุนในหุ้น SET 50 เป็นหลัก

โดยจะเน้นเข้าลงทุนในหุ้นที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก แต่ปัจจัยพื้นฐานเติบโตโดดเด่นได้แก่ กลุ่มนิคมอุสาหกรรมเน้น AMATA , กลุ่มค้าปลีกเน้น CPALL , กลุ่มโรงพยาบาล เน้น BDMS และกลุ่มพลังงาน BGRIM  ดังนั้นจึงเป็นจังหวะที่นักลงทุนเข้า “เก็บสะสม” หุ้นในกลุ่มดังกล่าว

ดัชนีผันผวนมอง1,540-1,570จุด

ด้าน “นางสาว วิลาสินี บุญมาสูงทรง” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก เผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยยังผันผวนต่อเนื่อง เพราะปัจจัยต่างประเทศที่ยังกดดัน โดยเฉพาะการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ซึ่งต้องจับตาว่าในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ สหรัฐจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนรอบใหม่หรือไม่

อีกทั้งปัจจัยในประเทศด้านสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความเปราะบางจากคะแนนเสียงของพรรคฝ่ายรัฐบาลมีคะแนนเสียงมากกว่าพรรคฝ่ายค้านไม่มากนัก และกรณีการปรับอัตราค่าจ้างมีมติปรับขึ้นค่าแรงปี 63 ทั่วประเทศ 5-6 บาท เตรียมเสนอเข้าที่ประชุมครม. หากได้รับอนุมัติจะมีผล 1 ม.ค.63 กดดันผลประกอบการธุรกิจที่ใช้แรงงานในสัดส่วนสูง  จึงคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ 1,540-1,570 จุด

จับตาปัจจัยตปท.

พร้อมกันนี้ยังอยากให้นักลงทุนจับตา ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐวันที่ 10-11 ธ.ค. การเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย.ในวันที่ 11 ธ.ค. ของสหรัฐ รวมทั้งการรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์  คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย (เช้าวันที่ 12 ธ.ค.) และวันเดียวกันทาง อียู เปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย  สหรัฐ  เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์  และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. ส่วนวันที่ 13 ธ.ค.  จีน เปิดเผยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเดือนพ.ย. และยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนพ.ย. สหรัฐ เปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค. และวันที่ 15 ธ.ค. กำหนดวันที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนรอบใหม่มีผลบังคับใช้

ดัชนีไม่ฟื้น-เก็บหุ้นเป้าหมาย LTF 

สำหรับการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 266,000 ตำแหน่ง ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ระดับ 187,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานลดลงเหลือ 3.5% ต่ำสุดในรอบ 50 ปี และกรณีที่กระทรวงการคลังอนุมัติเพิ่มทุน 1.5 หมื่นล้านบาทให้กับ EXIM เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลภาคส่งออกของไทยให้สามารถแข่งขันได้ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกผันผวน ประกอบกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่ได้เปิดเผยแผนงานปี 63 เร่งเปิดประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงและรถไฟทางคู่มูลค่ารวมราว 1.4 แสนล้านบาทนั้น ถือว่ายังไม่สามารถทำให้ดัชนีฟื้นตัวได้ในระยะนี้

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้น mai เด่นในเดือนธ.ค.62 จากคาดการณ์งบไตรมาส 4/62 จะออกมาสดใสชู  TACC, TNP, JUBILE และหุ้น Defensive Stock ชู TTW, BH, BCPG, BEM รวมทั้งหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของกองทุน LTF  ชู AOT, CPALL, PTT, ADVANC และ BBL

www.mitihoon.com