ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆในตลาดเพิ่มเติม

108

ดัชนี SET index สัปดาห์ทีผ่านมาแกว่งตัว Sideway โดยปัจจัยต่างๆยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก นักลงทุนยังคงรอผลการลงนามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน ในเดือน ม.ค.63 สำหรับเฟสแรก  อย่างไรก็ดี หุ้นบางตัวมีการปรับลงด้วยปัจจัยเฉพาะตัว อาทิ หุ้นในกลุ่มที่ BBL ลงทุนไว้ มีการปรับตัวลงเนื่องจากกังวลว่า BBL จะขายหุ้น อาทิ GULF, BTS, RS เป็นต้น ประเมินช่วงโค้งสุดท้ายของปีจะพอมีแรงส่งให้ดัชนี SET index ฟื้นตัวจาก 1) เม็ดเงิน LTF ที่นักลงทุน ตัดสินใจซื้อมากขึ้นหลังสัญญาณข้อตกลงการค้าเริ่มชัดเจน (ก่อนหน้านี้ ยัง Wait & see รอของถูก) 2) นักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันที่ลดพอร์ตไปก่อนหน้า มีโอกาสซื้อกลับ ประเมินแนวรับสัปดาห์นี้ 1560 – 1550 จุด ตามลำดับ / แนวต้าน 1583 จุด หากยืนเหนือแนวราคานี้ เราประเมินว่าดัชนี SET index มีโอกาสจะหยุดแนวโน้มขาลงได้ และเข้าสู่การ Sideway

สำหรับภาพรวมการลงทุนปีหน้า ฝ่ายวิจัยฯยังมีมุมมองที่เป็นบวก ต่อตลาดหุ้นไทยอยู่บ้าง โดยประเมิน สถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะพ้นจุดต่ำสุดในปีนี้ i) ประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน ผ่อนคลายลง ii) มาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางประเทศต่างๆ โดยเฉพาะเฟด จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อน หนุนการฟื้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และตลาด Emerging market iii) จากข้อมูลสถิติในอดีต หลังเกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หุ้นยุโรป, ญี่ปุ่นและ Emerging markets (รวมถึงไทย) จะมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่ Outperform ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

จากสมมติฐานเรื่องภาพรวมเศรษฐกิจในปีหน้าข้างต้น สำหรับหุ้นเด่นที่แนะนำสะสมสำหรับปีหน้า เน้นไปที่หุ้นที่มีโอกาส Turnaround และ Valuation ถูก (Contrarian strategy) เช่น หุ้นกลุ่มโรงกลั่น (TOP, SPRC, ESSO, BCP) หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA, HANA) เป็นต้น และหุ้นขนาดกลาง – เล็กที่ Laggard อาทิ JMART, BCPG, EPCO เป็นต้น

www.mitihoon.com