ดัชนีแย่กว่าคาด แต่ยังเป็นการเลือก ซื้อ/ขาย เป็นตัวๆไป

75

รู้ทันการลงทุน กับ KGI 

ดัชนี SET index สัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับลงแย่กว่าคาดหลุดแนวรับจิตวิทยาที่ 1500 จุดลงไปแนวรับถัดไปที่ ±1480 จุด แล้วจึงรีบาวด์กลับช่วงท้ายของสัปดาห์ เราประเมินว่าสำหรับแนวโน้มสัปดาห์นี้จะยังเป็นลักษณะ Sideway ไร้ทิศทางต่อไป แม้จะมีการรีบาวด์กลับมาขึ้นมาก็ตาม เนื่องจากความเสี่ยงเรื่องการปรับลดประมาณการฯโดยนักวิเคราะห์ยังคงมีอยู่ในช่วงปลายเดือน ก.พ. – มี.ค. ที่จะเป็นช่วงการประชุมนักวิเคราะห์หลังการรายงานผลการดำเนินงานปี 2562 เสร็จสิ้น แต่เราเชื่อว่าจะเป็นการขายทำกำไรเป็น รายกลุ่ม/รายตัว ที่ผลการดำเนินงานอ่อนแอ และมีแนวโน้มที่จะอ่อนแอต่อเนื่องใน 1H63 ที่จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่ Outperform ตลาดฯในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี หุ้นบางตัวที่แนวโน้มผลการดำเนินงานยังเติบโต หรือ ทรงตัว ใน 1H63 จะเป็นเป้าหมายการสะสมของนักลงทุนในช่วงที่ตลาดฯผันผวน เราประเมินกรอบแนวรับ SET index สัปดาห์นี้ 1480 จุด และ 1450 จุด ตามลำดับ / แนวต้าน 1500 จุด และ 1520 จุด ตามลำดับ โดยประเมิน SET index จะยุติขาลงระยะสั้นได้ เมื่อยืนเหนือแนวราคา 1525 จุด ขึ้นไป

                สำหรับในเชิง Valuation เราประเมินตลาดหุ้นไทยขณะนี้ “ไม่แพง” แม้ในกรณีเลวร้าย หากนักวิเคราะห์ทำการปรับลดประมาณการ EPS ของ SET index ลงไปต่ำกว่า EPS ปี 2562 ที่ระดับราว ±90 บาท/หุ้น ก็ตาม เนื่องจาก Earnings yield gap ที่ระดับ SET index 1490 จุดนั้น ยังมี Earnings yield gap สูงถึง +5% (ผลจากดอกเบี้ยต่ำ) และหากวิเคราะห์เชิงลึกลงไปอีก ว่า PE ของ SET index ในขณะนี้นั้นไม่สะท้อน Valuation ที่แท้จริงของหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดฯ เนื่องจากหากเราตัดหุ้นขนาดใหญ่ที่เพิ่งเข้า IPO ไม่นาน ที่มี Market cap อยู่อันดับต้นๆของตลาดหุ้น และมี PE สูงมาก อาทิ GULF, AWC เป็นต้น PE ของ SET index ขณะนี้นั้นน่าจะต่ำลงไปกว่าปัจจุบัน และ Earnings yield gap ก็จะอยู่ในระดับที่สูงกว่าในปัจจุบันอีก เช่นกัน

                สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ประเมิน SET index sideway (Down) ในสัปดาห์นี้ แนะนำ เลือกหุ้นในกลุ่มที่ประเด็นบวกเฉพาะตัว การลงทุนในช่วงสั้น 1) แนะนำ ซื้อสะสม หุ้นปันผลดีพิมพ์นิยม ที่ Underperform ตลาดฯในช่วงปีที่ผ่านมา (BCPG, KKP, TISCO เป็นต้น) เนื่องจากคาดว่า นักลงทุนที่ขายหุ้นไปในปลายปีที่ผ่านมา และ/หรือ มีการชอร์ตเซลไว้ จะทำการซื้อคืนหุ้นก่อนการจ่ายปันผลประจำปี, 2) หุ้นขนาดกลาง – เล็กที่คาดผลการดำเนินงานปีนี้เด่น JMART, EPCO, SIMAT, NEX เป็นต้น, 3) หุ้นกลุ่มรับเหมาฯ (CK, STEC, SEAFCO) และนิคมฯ (AMATA / แนะนำหลีกเลี่ยง WHA ที่มีความเสี่ยงเรื่องน้ำ) โดยประเมินความชัดเจนเรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 จะเป็นปัจจัยสำคัญหนุนราคาหุ้น, 4) สำหรับหุ้นกลุ่มสื่อสาร แนะนำ “เก็งกำไร” ADVANC, INTUCH ที่คาดเม็ดเงิน Fund flow จะ Switching ออกจาก DTAC

โดย สุโชติ ถิรวรรณรัตน์

www.mitihoon.com