GULF ซุ่มดีลพลังงานล็อตใหญ่-รายได้พุ่ง1.4แสนล.

395

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์  หรือ GULF โดย “นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์”  กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้าหมายปี 68 มีรายได้เติบโตก้าวกระโดดแตะที่ 140,000 ล้านบาท เพราะจะมีโรงไฟฟ้าที่ทยอยจ่ายไฟเข้าสู่ระบบ (COD) ตามแผนที่วางไว้

โดยในปี 64 คาดรายได้อยู่ที่ 50,000 ล้านบาท เพราะโรงไฟฟ้า GSRC ขนาด 2,500MW จะเริ่ม COD ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เวียดนามขนาด 310MW และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่โอมาน 326 MW จะ COD ในปี 65  ขณะที่ในปี 66 โรงไฟฟ้า IPP ที่ปลวกแดง ขนาด 2,500 MW จะ COD  สำหรับปี 68 โรงไฟฟ้าหินกอง ขนาด1,400 MW จะ COD ครบทั้ง 2 แห่ง

ส่วนรายได้ในปี 63 จะเติบโตราว 10% จากปี 62 ที่มีรายได้ 33,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการรับรู้โรงไฟฟ้าไบโอแมส กำลังผลิต 25 MW ที่ COD ในช่วงเดือนมี.ค.63 และในปลายปี63 โรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เวียดนามจะ COD อีก 30MW และรับรู้รายได้แบบเต็มปีของโรงไฟฟ้าประเภท SPP ทั้งหมด 12 แห่งที่เปิดดำเนินการครบแล้ว 1,563MW รวมถึงรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าโซลาร์ที่เวียดนาม ที่จ่ายไฟเข้าระบบแล้ว 120MW

พร้อมกันนี้บริษัทอยู่ระหว่างหาโครงการลงทุนใหม่ๆ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซ LNG ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งโครงการมีกำลังการผลิตสูงสุด 6,000 MW รวมถึงอยู่ระหว่างศึกษาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ สปป.ลาวร่วมกับพันธมิตรที่ประเทศจีน ขนาด 2,400 MWโดยบริษัทจะเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 30% ซึ่งโครงการนี้จะทำสัญญา กับ กฟผ.

อีกทั้งกำลังเจรจากับรัฐบาลโอมานเพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม และพลังงานลม ขนาด 2,000 MW ด้วย ทั้งนี้ในช่วงกลางปี 63 บริษัทเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปใช้ลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เช่น โรงไฟฟ้าประเภท IPP จำนวน 2 แห่ง ขนาด 5,000 MW และโครงการโครงสร้างพื้นฐานมาบตาพุดเฟส 3-มอเตอร์เวย์ รวมถึงโรงไฟฟ้าที่โอมาน และเวียดนาม

สำหรับแผนการลงทุนในช่วง 7 ปี (63-69) จะมีการลงทุน 140,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินส่วนทุนที่บริษัทจะต้องใช้ 40,000 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทในแต่ละปีที่คาดว่าจะทำได้ 10,000 ล้านบาท หลังจากที่โรงไฟฟ้าประเภท IPP ขนาด 5,000 MW ได้ COD แล้ว

ด้าน D/E ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.57เท่า และในปี 64-65 มีโอกาสจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 2.5-2.6เท่า หลังจากที่บริษัทจะใช้เงินกู้เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้า IPP และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งบริษัทมีนโยบายคุม D/E ไม่ให้เกิน 3.5 เท่า รวมถึงขณะนี้ยังไม่มีแผนเพิ่มทุน

www.mitihoon.com