MC ผลงานเด่นสุดในกลุ่ม นลท.ดอดเก็บปันผล 8%

120

มิติหุ้น- MC ปี 63 โบรกประเมินกำไรเด่นสุดในกลุ่มคาดทั้งปีโต 148 % หลัง “ซีอีโอ” ใหม่ลุยจัดทัพหลังบ้านบุกออนไลน์เต็มสูบ แถมยังมีเงินสดเต็มมือกว่า 1,000 ล้านบาทพร้อมลุยลงทุนเพิ่ม ด้านนักลงทุนดอดเก็บเหตุปันผลเด่น 7-8 % ต่อปี

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า ราคาหุ้นของ บมจ. แม็คกรุ๊ป (MC) ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องภายหลังซีอีโอหญิงแกร่ง“ชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์” เข้ารับตำแหน่ง เมื่อปลายปี 62 (1ต.ค.62) จากอดีตที่เคยเป็นผู้บริหาร DHL  โดยหลังเข้าดำรงตำแหน่งที่ MC ระยะเวลาเพียง 4 เดือนเศษ ราคาหุ้นปรับตัวจาก 5 บาทไต่ระดับไปสูงสุด 11-12 บาท

ด้านบทวิเคราะห์ บล.เอเชียเวลท์ ระบุว่า  คาดการณ์กำไรสุทธิปี 63 ของ MC ที่ 579.5 ล้านบาท ขยายตัว 143.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมประเมินรายได้ที่ 3,823.60 ล้านบาท ขยายตัว 3.5 % รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไร ROE ปรับตัวขึ้นมาอยู่ ในระดับ 15.8% จาก 8.3% แนะนำ “ซื้อ” MC ราคาเป้าหมายปี 63 ที่ 12.53 บาท

เงินสดเต็มมือ-ปลอดหนี้

นอกจากนี้ MC เป็นหุ้นที่มีจุดเด่นโดยเฉพาะด้านการความสามารถการทำกำไรถือว่าดีที่สุดในกลุ่ม และเป็น Net Cash Company (จากรายงานกำไรไตรมาส2/63 บริษัทมีเงินสดในมือราว 1,000 ลบ.)และยังไม่มีหนี้  พร้อมสำหรับการลงทุนเพิ่ม สามารถเติบโตได้ช่องทางการขาย Online Platform ผ่านการรวมช่องทางการ ขาย Online กับ Offline เข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ วางเป้าหมายเพิม Sales Growth 25 % ในช่องทาง Online อีก 3 ปีข้างหน้ า รวมถึงหากสามารถลดระยะเวลาสต็อกสินค้า ไว้จะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมีเติบโตในส่วนของธุรกิจหลักอย่าง ต่อเนื่องราว 8% ต่อปี นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูงราว 6-7% ต่อปีและจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง

สถาบันดอดเก็บปันผลเด่น

ด้านนางชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MC เปิดเผยว่า รายได้ช่วงครึ่งหลังงวดปี 62/63 (ม.ค.-มิ.ย.63) คาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก และเป็นไปตามที่บริษัทคาดการไว้ทั้งปี 63(ก.ค.62-มิ.ย.63) รายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 8-10 % หลังจากที่บริษัทได้ปรับการตลาด และรูปแบบร้านใหม่ รวมทั้งการการเชื่อมต่อ Platform offline กับ online เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและยังเป็นกหารบริหารสต็อกสินค้าด้วย

นอกจากนี้ที่ผ่านมายังมีนักลงทุนสถาบันต่างประเทศที่เน้นลงทุนระยะยาว รวมถึงนักลงทุนสถาบันในประเทศก็สนใจเข้าเก็บหุ้นเพื่อหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 8-9 % ต่อปี ในสภาวะที่ดอกเบี้ยชะลอตัว ทั่วโลก อีกด้วย

www.mitihoon.com