รัฐสกัดเงินไหลออกบอนด์ หวั่นลามวิกฤตการเงิน (24/03/63)

151

มิติหุ้น- 3 มาตรการ ธปท.สกัดเงินไหลกองทุนตราสารหนี้หวั่นเกิดวิกฤตการเงินตามมา กูรูยันผู้ออกตราสารหนี้ไม่มีปัญหา  คาด กนง. หั่นดอกเบี้ยอีกรอบพยุงเอกชนบริหารสภาพคล่อง ลุ้นวันนี้ ครม.ออกมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจรับมือ COVID-19

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่าจากกรณีที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สมาคมธนาคารไทย และสำนักงาน ก.ล.ต. ออก 3 มาตรการสกัดนักลงทุนแห่เทขายตราสารหนี้ คือ 1.ให้ธนาคารพาณิชย์ช่วยเพื่มสภาพคล่องให้กับกองทุนรวม โดยสามารถเข้าซื้อหน่วยลทุนจากกองทุนตลาดเงินและกองทุนตราสารหนี้ประเภท Daily Fixed income fund  2.จัดตั้งกองทุนเสริมสภาพคล่องวงเงินราว 70,000-100,000 ล้านบาท และ 3.ธปท.อัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบโดยการรับซื้อคืนพันธบัตรอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดีจากประเด็นดังกล่าว ด้าน “ดร.อมรเทพ จาวะลา” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า  นักลงทุนมีความกังวลจากปัญหาการระบาดของไวรัส COVID-19 จนแห่เทขายทุกสินทรัพย์เพื่อถือเงินสดและรักษาสภาพคล่องจนลุกลามถึงตราสารหนี้จนผลตอบแทนลดลงจนติดลบ จนเป็นที่มาของมาตรการดังกล่าว ซึ่งอาจจะลุกลามจนมีความเสี่ยงเกิดวิกฤตการเงินและเศรษฐกิจถดถอยตามมา

อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าคุณสภาพสินทรัพย์ของผู้ออกตราสารหนี้ดังกล่าวยังไม่มีสัญญาณเกิดปัญหา แม้แต่พันธบัตรแบงก์ชาติ หรือพันธบัตรสหรัฐ รวมถึงบริษัทเอกชน

คาด กนง.หั่นดอกเบี้ยอีกรอบ

ทั้งนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)จึงได้ลดดอกเบี้ยการประชุมนัดพิเศษลง 0.25 % เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา (มีผล23 มี.ค.63) ซึ่งเชื่อว่าในการประชุม กนง.วันที่ 25 มีนาคม 63 ก็เชื่อว่าน่าจะลดดอกเบี้ยลงอีกรอบเพื่อบริหารสภาพคล่อง ซึ่งถือเป็น QE แบบของไทย รวมถึงมาตรการซื้อพันธบัตรของแบงก์ชาติด้วย และซึ่งการลดดอกเบี้ยผลดี คือ การเพิ่มสภาพคล่องในตลาดการเงินผ่านธนาคารพาณิชย์โดยเฉพาะเอกชนซึ่งกำลังประสบปัญหาในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว การลดดอกเบี้ยก็ถือเป็นการภาระดอกเบี้ย และถือเป็นมาตรการช่วยเสริมกับ 3 มาตรการดังกล่าว

ลุ้นวันนี้ ครม.ออกนโยบายกระตุ้น

นอกจากนี้มาตรการทางการคลังรัฐบาลไทยก็ควรเร่งดำเนินการเช่นกัน ล่าสุดวันนี้(24 มี.ค.) ครม.ก็เตรียมพิจารณาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและถือเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อดูแลคนว่างงานจากผลกระทบ COVID-19 แม้แต่ในสหรัฐฯก็กำลังเร่งออกมาตรการทางการคลังเช่นกัน

www.mitihoon.com