BGRIM เงินสดล้นมือ2.1หมื่นล. รุกพลังงาน5,000MW (14/05/63)

237

มิติหุ้น-BGRIM เผยไตรมาส 1/63 กำไรจากการดำเนินงานพุ่ง 54% เหตุขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง และเข้าซื้อกิจการหนุนฐานโตแกร่ง แถมมีลูกค้าอุตสาหกรรมเข้ามาเพิ่มทุกไตรมาส แย้มเตรียม COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 68 MW ชี้กระแสเงินสดสูง 2.1 หมื่นล้านบาท พร้อมเดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้าตามแผน 5,000 MW

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น”  รายงานว่า บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ หรือ BGRIM ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนชั้นนำของไทย โดย “นางปรียนาถ สุนทรวาทะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2563 มีรายได้จากการขายและการให้บริการเติบโต 9.4% ที่ 11,223 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากขยายกำลังการผลิตถึง 944 MW จากการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ 4 โครงการ และการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 2 แห่ง ได้แก่ โครงการ SPP1 ในปี 2562 และล่าสุดโครงการโรงไฟฟ้าอ่างทองเพาเวอร์ขนาด 123 MW (เดือนมี.ค.63)

โดยปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมยังคงมีความแข็งแกร่ง จากการมีสัดส่วนอุตสาหกรรมที่หลากหลาย และมีการทยอยจ่ายไฟให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมใหม่ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟใหม่รวม 26 MWในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาด้วย

โชว์ EBITDA พุ่ง29.2%
ขณะที่อัตรากำไร EBITDA เพิ่มสู่ระดับสูงสุดที่ 29.2% จากการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น และการรับรู้ผลการดำเนินงานโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนามที่ให้อัตรากำไร EBITDA ที่สูง กำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (ไม่รวมผลกำไร/ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากมูลค่าทางบัญชีของเงินกู้สกุลต่างประเทศ) อยู่ที่ 1,158 ล้านบาท เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ 682 ล้านบาท เติบโตถึง 54.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากปัจจัยบวกดังที่กล่าวมา อย่างไรก็ดี เนื่องจากบริษัทกู้เงินสกุลต่างประเทศเพื่อป้องกันความเสี่ยงในส่วนของรายได้สกุลต่างประเทศ (natural hedge) โดยในช่วงไตรมาส 1/2563 เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเปรียบเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จึงเกิดรายการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากอัตราแลกเปลี่ยน 886 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชีที่ไม่กระทบกระแสเงินสด เป็นสาเหตุหลักทำให้กำไรสุทธิจากอยู่ที่ 159 ล้านบาท และ 81 ล้านบาทในส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่

ทุนแกร่ง-ลุยCODเพิ่ม68MW
ด้านการรับมือกับวิกฤตโควิค-19 นั้น บริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่งมีเงินสดในมือถึง 2.1 หมื่นล้านบาท มีกระแสเงินสดแข็งแกร่งไม่ส่งผลกระทบต่อการชำระหนี้ และแผนการลงทุน ล่าสุดบริษัทยังได้รับวงเงินสำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติม 4 พันล้านบาทรวมเป็น 9 พันล้านบาท พร้อมรับหากวิกฤตโควิค – 19 มีความยืดเยื้อ

ขณะเดียวกันยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง อาทิ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Ray Power ในประเทศกัมพูชาขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 39 MW, โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนทุ่นลอยน้ำหลักชัย กำลังการผลิตติดตั้ง 13 MW และโรงไฟฟ้าพลังงานลมบ่อวิน วินด์ฟาร์ม 1&2 กำลังการผลิตติดตั้ง 16 MW  มีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงไตรมาส 4/2563 ถึง ไตรมาส 1/2564 โดยมั่นใจว่าบริษัทจะเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ที่จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 5,000 MW (จากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างพัฒนา) ในปี 2565

www.mitihoon.com