บลจ.กสิกรไทย เปิดตัวกองทุน Term Fund Plus กระจายลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลก โฟกัสภูมิภาคเอเชีย

316

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบันที่ตลาดยังคงมีความผันผวนสูง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่ผู้ลงทุนยังคงต้องการกองทุนรวมที่ตอบโจทย์ภาวะเช่นนี้ ภายใต้ความเสี่ยงที่ต่ำ

บลจ.กสิกรไทย จึงได้เสนอขายกองทุน Term Fund Plus ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดอายุโครงการที่มีความพิเศษกว่ากองทุน Term Fund ทั่วไป ทั้งในแง่ตราสารที่ลงทุนและโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีขึ้น โดยจะลงทุนผ่านกองทุนหลักต่างประเทศที่บริหารจัดการโดย Invesco Hong Kong Limited บลจ.ชั้นนำระดับโลกที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนในตราสารหนี้

ทั้งนี้ กองทุนหลักจะกระจายการลงทุนในตราสารหนี้กว่า 80 ตราสารซึ่งมากกว่ากองทุน Term Fund ทั่วไป โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือระดับที่ลงทุนได้ (Investment Grade) ไม่น้อยกว่า 70% ของพอร์ต รวมถึงลงทุนใน High Yield Bond บางส่วน ผ่านกลยุทธ์ Buy & Maintain ที่มุ่งซื้อและถือครองจนครบอายุตราสาร เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนตามที่ประมาณการไว้ พร้อมติดตามความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ กองทุนไม่ต้องเสียภาษีตราสารหนี้ในอัตรา 15% เนื่องจากเป็นการลงทุนผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ

นายนาวินกล่าวต่อไปว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมเปิดเสนอขาย Term Fund Plus กองทุนแรกของเดือนกรกฏาคม ภายใต้ชื่อ กองทุนเปิดเค ฟิกซ์เดท เอเชียน บอนด์ 2021A (KAB21A) ในระหว่างวันที่ 7-10 กรกฏาคม 2563 โดยลงทุนผ่านกองทุนหลัก Invesco Asian Bond Fixed Maturity Fund 2021 – I, Class C(USD)-Acc ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลกโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียโดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักๆ ได้แก่ 1) อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าภูมิภาคอื่น

2) บริษัทในเอเชียส่วนใหญ่มีปัจจัยพื้นฐานดีขึ้น เนื่องจากมีการกู้ยืมเงินลดลง 3) ระดับราคาตราสารหนี้เอเชียทั้ง Investment Grade และ High Yield Bond ยังมีความน่าสนใจต่อการเข้าลงทุน และ 4) มีอัตราการผิดนัดชำระหนี้ต่ำเพียง 0.48% ทั้งนี้ คาดว่ากองทุนหลักจะเข้าไปลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรม Real Estate, Financial, Consumer Cyclical, Basic Materials และ Government ในสัดส่วน 23.70%, 23.20%, 12.70%, 12.50% และ 8.70% ตามลำดับ โดยผลตอบแทนที่คาดหวังอยู่ที่ 1.6% ต่อปี – 1.8% ต่อปี