บลจ.กสิกรไทย ชวนกระจายลงทุน SSF ต่อเนื่อง หลังขึ้นแท่นกองทุน SSFX ขนาดใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม

405

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่กองทุนเปิดเค ซูเปอร์สตาร์ เพื่อการออมพิเศษ (K-SUPSTAR-SSFX) ได้สิ้นสุดการขายในวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ถือว่าได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดีนับตั้งแต่วันที่เปิดเสนอขายครั้งแรก จนสามารถขึ้นแท่นกองทุนรวมเพื่อการออมแบบพิเศษที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม ด้วยมูลค่าทั้งสิ้น 2.13 พันล้านบาท (ข้อมูล Morningstar ณ วันที่ 30 มิ.ย. 63)

สำหรับผู้ลงทุนที่พลาดโอกาสการลงทุนในกองทุน SSFX ยังสามารถลงทุนต่อเนื่องได้ในกองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund: SSF) เพื่อโอกาสทำกำไรในระยะยาว พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในปีนี้ โดยกองทุน SSF ของบลจ.กสิกรไทย มีให้เลือก 4 นโยบายที่ครอบคลุมทุกประเภทสินทรัพย์

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงและเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดหุ้นไทย ขอแนะนำ กองทุนเปิดเค สตาร์ หุ้นทุน ชนิดเพื่อการออม (K-STAR-SSF) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนเช่นเดียวกับกองทุน K-SUPSTAR-SSFX ที่เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทชั้นนำของไทยที่มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว มีผลการดำเนินงานโดดเด่นจนได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar ในประเภท Overall Rating (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 63)

ส่วนผู้ลงทุนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม แนะนำ กองทุนเปิดเค พอสซิทีฟ เชนจ์ หุ้นทุน ชนิดเพื่อการออม (K-CHANGE-SSF) ที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (Impact Investing) รวมถึงเป็นหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง (Growth Stock)

ด้านผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง แนะนำ กองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม ชนิดเพื่อการออม (K-GINCOME-SSF) ที่เน้นกระจายลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลกกว่า 2,500 สินทรัพย์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละประเภทสินทรัพย์ทำหน้าที่มุ่งหาโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างรายรับได้อย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งกองทุนยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้ง

และสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อย หรือกำลังเริ่มต้นออมเงิน ขอแนะนำ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ พลัส ชนิดเพื่อการออม (K-FIXEDPLUS-SSF) ที่เน้นกระจายลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีระยะปานกลาง-ยาวทั้งในและต่างประเทศ ผ่านกลยุทธ์การบริหารพอร์ตแบบเชิงรุก (Active Investment Management) โดยมีการติดตามข้อมูลรายวันเพื่อตอบสนองได้ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

นายวศินกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุน SSF สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท โดยผู้ลงทุนต้องถือครองหน่วยลงทุนเป็นระยะเวลา 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ นอกจากนี้ กำไรจากการขายคืนจะได้รับการยกเว้นภาษีหากผู้ลงทุนปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน SSF ของบลจ.กสิกรไทย สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่านแอป K PLUS, K-My Funds, ธนาคารกสิกรไทย และผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888