บลจ.กสิกรไทย ปลื้ม Term Fund Plus ขายเกลี้ยงใน 2 วัน พร้อมส่งกองใหม่เสนอขาย 10-16 ก.ค.นี้

234

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ) บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่ บลจ.กสิกรไทย เปิดเสนอขาย Term Fund Plus กองแรกภายใต้ชื่อ กองทุนเปิดเค ฟิกซ์เดท เอเชียน บอนด์ 2021A (KAB21A) ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากกองทุนชูโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่า Term Fund ทั่วไป ส่งผลให้มียอดจองซื้อเข้ามาเต็มจำนวนเงินทุนของโครงการ และปิดการขายภายในระยะเวลาเพียง 2 วันเท่านั้น รวมมูลค่าทั้งสิ้น 2,780 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 8 ก.ค. 63)

ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย พร้อมเปิดเสนอขาย Term Fund Plus กองถัดไปภายใต้ชื่อ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 2021A (KFF21A) ในระหว่างวันที่ 10-16 กรกฎาคม 2563 โดยคาดหวังผลตอบแทนที่ 1.4% ต่อปี – 1.6% ต่อปี

นายนาวินกล่าวต่อไปว่า กองทุน KFF21A ใช้กลยุทธ์ในการบริหารจัดการร่วมกันระหว่างบลจ.กสิกกรไทย และ Invesco Hong Kong โดยมอบหมายให้ Invesco Hong Kong รับหน้าที่บริหารเงินลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลกโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย รวมถึง High Yield Bond บางส่วน ผ่านกองทุนหลัก Invesco Asian Bond Fixed Maturity Fund 2021 – I, Class C(USD)-Acc ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 70% ของพอร์ต

ส่วนบลจ.กสิกรไทย จะรับหน้าที่บริหารเงินลงทุนในเงินฝากต่างประเทศ ได้แก่ เงินฝาก Bank of China, เงินฝาก Agricultural Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน) และเงินฝาก Qatar National Bank (ประเทศกาตาร์) ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 30% ของพอร์ต เพื่อกระจายความเสี่ยงอันอาจเกิดจากความผันผวน

“ตราสารหนี้เอเชียยังคงมีความน่าสนใจจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทั่วโลกที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ผู้ลงทุนแสวงหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น ซึ่งการลงทุนในตราสารหนี้เอเชียถือเป็นหนึ่งในทางเลือก ที่ผู้ลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ โดยเฉพาะตราสารหนี้ในระดับ Investment Grade ในสาธารณรัฐประชาชนจีน เนื่องจากผู้ออกเป็นรัฐวิสาหกิจจึงมีอัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่ต่ำ

ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย มีมุมมองเป็นบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในระยะยาว โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดี และนำประเทศอื่นเนื่องจากจีนเปิดประเทศก่อน รวมถึงการเปิดตลาดทุนของจีนให้ต่างชาติเข้าไปลงทุนได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนยังต้องจับตาประเด็นความขัดแย้งกับสหรัฐฯ และประเด็นจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 รายใหม่ โดยคาดว่าจีนจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดีขึ้นเนื่องจากมีประสบการณ์และมีระบบการติดตามเฝ้าระวังที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการสั่งการที่รวดเร็ว” นายนาวินกล่าว

นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุน KFF21A เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถถือครองหน่วยลงทุนเป็นระยะเวลา 1 ปีได้ และมองเห็นโอกาสรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในตราสารหนี้ และเงินฝากต่างประเทศภายใต้ความเสี่ยงที่ต่ำ โดยสามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds, ธนาคารกสิกรไทย หรือ ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน

ทั้งนี้ เมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนใดกองทุน หนึ่งใน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น (K-SF) ของบลจ.กสิกรไทย เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางการลงทุนข้างต้น หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888