SCC ทุ่มเงินเฉียด700 ลบ. เข้าซื้อหุ้น AJสัดส่วน 9.22%

376

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) โดย นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 29 ต.ค.63 มีมติอนุมัติให้บริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (หรือ “SCG Chemicals”)ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCC ถือหุ้น ทั้งหมดทำการ 1.) ลงทุนในบริษัทเอ. เจ. พลาสท์ จ ากัด (มหาชน) หรือ AJ ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตฟิ ล์มสำหรับบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน (Flexible Packaging) ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน AJ จำนวน 40,560,773 หุ้น (คิดเป็นสัดส่วนผู้ถือหุ้นร้อยละ 9.22) ณ ราคาหุ้น 17.15 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 696 ล้านบาทด้วยวิธีการเสนอขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (หรือ “Private Placement”)และ 2.) จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ AJ เพื่อผลิตและจำหน่ายฟิ ล์ม Biaxially Oriented (หรือ “BO Film”) ในประเทศเวียดนาม บริษัทร่วมทุนดังกล่าวมีทุนจดทะเบียนมูลค่าประมาณ 700 ล้านบาท โดย SCG Chemicals จะถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนในสัดส่วนร้อยละ 45:55 ตามล าดับ หรือคิดเป็นเงินทุนจาก SCG Chemicals 315 ล้านบาท

จับมือ AJ ตั้ง บ.ร่วมทุน

ทั้งนี้เงื่อนไขในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบ Private Placement ของ SCG Chemicals จะเกิดขึ้นเมื่อมีการลงนามสัญญาร่วมทุนระหว่าง SCG Chemicals และ AJ การลงทุนดังกล่าวของ SCG Chemicals เป็นการเข้าสู่ธุรกิจที่มีการเติบโตสูงจากความต้องการบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อผลิตและจำหน่าย BO Film ในประเทศเวียดนามและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สูง และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสำหรับผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ของ SCG Chemicals ที่มีแผนขยายธุรกิจปลายน้ำเพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางด้านปลายน้ำมากขึ้น โดยการร่วมทุนครั้งนี้จะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของทั้ง AJ และ SCG Chemicals เพื่อการขยายธุรกิจ BO Film ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต

PP ติดระยะห้ามขาย 1 ปี

ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หากราคาเสนอขาย Private Placementในครั้งนี้เข้าข่ายเป็นการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ในราคาต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาด ก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสั่งรับหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ห้ามมิให้บุคคลที่ได้รับหุ้นจากการเสนอขายหุ้น Private Placement ดังกล่าวนำหุ้นที่ได้รับจากการเสนอขายทั้งหมดออกขายภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่หุ้นเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยภายหลังจากวันที่หุ้นดังกล่าวเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครบกำหนดระยะเวลา 6 เดือน ให้บุคคลดังกล่าวสามารถทยอยขายหุ้นที่ถูกสั่งห้ามขายได้ในจำนวนร้อยละ 25ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ถูกสั่งห้ามขาย

www.mitihoon.com