MAJOR รอฟื้นตัวปี64 ลุ้นพลิกกลับมามีกำไร หลังโควิดในต่างประเทศคลี่คลาย

360

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บล.หยวนต้า (ประเศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป หรือ MAJOR ว่า แนวโน้มไตรมาส4/63 ของ MAJOR ยังฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้เดิม แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในไทยถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีไม่มีการแพร่ระบาด และภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ที่เข้าฉายในไตรมาส3/63 ที่ผ่านมาอย่าง MULAN และ TENET ถือว่าทำรายได้ค่อนข้างดี แต่เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังรุนแรงในหลายประเทศ ทำให้ค่ายภาพยนต์ฮอลลีวูด ตัดสินใจเลื่อนฉายภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ออกไป

โดยในช่วงไตรมาส4/63 หนังฟอร์มใหญ่จากฝั่งฮอลลีวูดหลายเรื่อง อาทิ DUNE, 007 No Time To Die และ Black window เลื่อนไปฉายเป็นปี หน้า เหลือภาพยนต์ฟอร์มใหญ่เพียงเรื่อง Wonderwoman1984 และมีภาพยนตร์ไทยจาก GDH อีก 1 เรื่อง ที่คาดทำเงิน

ส่วนในปี2564 แม้คาดว่าจะได้ผลบวกจากภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ที่อั้นไปฉายปีหน้า แต่ด้วยผลของการระบาดระลอกใหม่ของในหลายประเทศ ทำให้ภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่หลายเรื่องถูกเทน้ำหนักไปลงฉายในครึ่งปีหลัง และบางเรื่องยาวไปฉายในปี 2565

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2563 – 2564
ดังนั้นเพื่อสะท้อนผลกระทบจาก การแพร่ระบาด COVID-19 ในต่างประเทศที่แรงกว่าคาด ขณะที่การคิดค้นวัคซีนรักษาช้ากว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกำไรของ MAJOR ในปี 2563 จากเดิมที่คาดว่าขาดทุน 678 ล้านบาทเป็นขาดทุน 940 ล้านบาท จากการปรับลดสมมติฐานรายได้ลดลง 7% และในปี
2564 ปรับลดประมาณการกำไรลง 12% เหลือ 856 ล้านบาท จากการปรับลดรายได้ลงจากเดิม 10%

แนะนำ“ซื้อลงทุน”
ฝ่ายวิจัยมองว่าผลประกอบการของ MAJOR ผ่านจุดแย่สุดไปแล้วในไตรมาส2/63 ปี 2564 จะพลิกฟื้นกลับมามีกำไรบนสมมติฐานการแพร่ระบาดของ COVID-19 จะคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังมีสถานทางการเงินที่แข็งแกร่ง และยังมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยคาดว่าบริษัทจะกลับมาจ่ายปันผลได้ในปีหน้า ที่ระดับ 0.73 บาท ต่อหุ้น Yield 5.5% จากราคาปัจจุบัน ฝ่ายวิจัยได้ปรับลดมูลค่าพื้นฐานในปี 2564 จากเดิมที่ 21.80 บาท เหลือ 19.10 บาท สะท้อนการปรับลดประมาณการก าไร อิง P/E เฉลี่ย 4 ปีที่20x

www.mitihoon.com