SMPC บุ๊คกำไร Q3/63 โตกว่า100% ทำผลประกอบการ 9 เดือนนิวไฮ

77

 

 

มิติหุ้น-SMPC ผลงาน Q3/63 ฟอร์มสวย กวาดยอดขาย 956.39 ลบ. เพิ่มขึ้น 31.6% กำไรสุทธิ 180.46ลบ. โต 100.2% จากออเดอร์ลูกค้าในแถบเอเชียใต้ – แอฟริกา ที่ชะลอการสั่งซื้อในช่วงปีก่อน เริ่มกลับมาสั่งซื้อ หนุนผลประกอบการงวด 9 เดือนทำสถิตินิวไฮ โกยรายได้ 2,994.56 ลบ. มีกำไรสุทธิ 508.97 ลบ. ขณะที่ยอดขายในสหรัฐฯ ยังไหลเข้าต่อเนื่อง คาดผลงาน Q4 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ตามความต้องการใช้ถังแก๊สทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียใต้ และทวีปแอฟริกา เชื่อยอดขายปีนี้เติบโต 30% ได้ตามแผน รับดีมานด์ต่างประเทศโตต่อเนื่อง ชี้โควิด-19 ไม่กระทบธุรกิจ แย้มหลังโควิด-19 เริ่มพิจารณาลงทุนโรงงานผลิตถังแก๊สในต่างประเทศใหม่

นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ผู้ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดันแบบต่าง ๆ โดยผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และสำหรับใช้เป็นแหล่ง พลังงานรถยนต์ โดยจำหน่ายภายในและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SMPC” รวมทั้งรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าต่างๆ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯงวดไตรมาส 3/2563  มียอดขายรวมอยู่ที่ 956.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 229.87 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 31.6% เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 726.52 ล้านบาท  เนื่องจากลูกค้าในแถบเอเชียใต้ที่ชะลอการสั่งซื้อในช่วงปีก่อน เริ่มกลับมาสั่งซื้อบางส่วนตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน รวมถึงลูกค้าในแอฟริกามีความต้องการเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยอดขายในสหรัฐอเมริกายังคงมีต่อเนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

สำหรับกำไรสุทธิในงวดไตรมาส 3/2563 จำนวน 180.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90.34 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 100.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 90.12 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายเติบโต และอัตราการทำกำไรและรายได้อื่นเพิ่มขึ้น โดยสุทธิกับต้นทุนการจัดจำหน่ายและภาษีเงินได้ที่เพิ่มขึ้น  สำหรับกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 265.68ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109.57 ล้านบาท หรือ 70.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 156.12 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 21.5%  เป็น 27.8% เป็นผลจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง เน้นตลาดถังใหญ่ และถังที่มีอัตราการทำกำไรสูง ส่งผลให้อัตราทำกำไรเพิ่มขึ้น

ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทฯ มียอดขายอยู่ที่ 2,994.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  582.50 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24.15% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 2,412.06  ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่ 508.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 211.94 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 71.35% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 297.03 ล้านบาท

ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4 ของปี คาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากคำสั่งซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกา ที่มีความต้องการใช้ถังแก๊สสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ประเทศอื่นๆก็มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน แต่ในช่วงที่ผ่านมาอาจได้รับผลกระทบเรื่องการขนส่งบ้าง แต่บริษัทคาดว่าสถานการณ์การดังกล่าวจะดีขึ้นต่อเนื่อง

“ในปี 2563 เชื่อว่าเป้าหมายยอดขายถังแก๊ส 7.3 ล้านถัง เติบโต 30% จะสามารถทำได้ตามแผนที่วางไว้ แต่ทั้งนี้บริษัทจะเน้นในเรื่องของการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้ดีที่สุด ขณะเดียวกันบริษัทฯ จะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับ 12-15% โดยพยายามควบคุมต้นทุนด้านกระบวนการผลิต และการบริหารต้นทุนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตโดยเน้นตลาดถังใหญ่ขนาดมากกว่า 200 kg. ซึ่งเป็นถังที่มีอัตรากำไรสูง เนื่องจากความต้องการในตลาดยังมีมากในขณะที่มีผู้ผลิตได้น้อยราย โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้” นายสุรศักดิ์ กล่าว

ส่วนแผนการลงทุนสร้างโรงงานผลิตถังแก๊สในต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีโอกาสขยายฐานการผลิตและได้รับส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น รวมถึงลดต้นทุนและระยะเวลาด้านการขนส่งสินค้า และประโยชน์ทางด้านภาษีต่างๆ แต่เนื่องจากเกิดสถานการณ์โควิด-19 แพร่ขยายในวงกว้าง ทำให้บริษัทต้องชะลอโครงการดังกล่าว โดยในระหว่างนี้ยังได้มีการศึกษาข้อมูลและประเทศอื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มเติมด้วย และจะมีการประเมินโอกาสและความเสี่ยงใหม่อีกครั้ง ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

www.mitihoon.com