SCC แนวโน้มเข้าสู่เฟสของการเติบโต

433

มิติผุ้น-บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการของ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ในอนาคต 3-5 ปีข้างหน้าจะเข้าสู่เฟสของการเติบโต แรงหนุนจากทั้งสามธุรกิจ คือ ธุรกิจปิโตรเคมี กำลังการผลิตจะเพิ่ม 70% เน้น HVA และ นวัตกรรม ธุรกิจปูนซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เน้นเซอร์วิส และ โซลูชั่น ไปรีเทล ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ตั้งเป้าจะโตเป็น 2 เท่าใน 5 ปีข้างหน้า สำหรับผลประกอบการ 4Q63 คาดจะยังเด่นประมาณ 9 พันล้านบาท +27%YoY แม้ว่าจะปิดซ่อมบำรุง MOC 45 วัน ปรับประมาณการเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น430 บาท (จาก 400 บาท) บนฐาน Forward P/E+0.5SD = 13.9 เท่า คงแนะนำ ซื้อ

แนวโน้มผลประกอบการจะเข้าสู่เฟสของการเติบโต

แนวโน้มผลประกอบการของ SCC คาดจะเข้าสู่แนวโน้มของการกลับมาเติบโตใหม่ ในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนสูงในอีดต ปัจจุบัน และ อนาคต คือ ธุรกิจปิโตรเคมี กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้น 70% ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ตั้งเป้าจะโตเป็น2เท่า ใน5ปีข้างหน้า ธุรกิจปูนซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เน้นเซอร์วิส และ โซลูซั่น ไปลูกค้ารีเทล เราปรับประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าเพิ่มขึ้น 7% คาดกำไรปี 2563 สามารถเติบโตได้ 9.6% สู่ระดับ 35,097 ล้านบาท และ ปี 2564 จะเติบโตต่อ 5.6% สู่ระดับ 37,075 ล้านบาท

ธุรกิจปิโตรเคมี กำลังการผลิตจะเพิ่ม 70% เน้น HVA และ นวัตกรรม
ธุรกิจปิโตรเคมี ปี 2564 โรงงาน MOC ขยายกำลังการผลิต Olefin เพิ่ม 350,000 ตัน/ปี ใน 2Q64 ทำให้เมื่อรวม MOC + ROC กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้น 11.5% เป็น 3.4 ล้านตัน/ปี และ ในปี 2565 โรงงานปิโตรเคมี LSP ในเวียดนาม ซึ่งเป็นโรงงานระดับ World Class กำลังการผลิต 1.6 ล้านตัน จะแล้วเสร็จ รวมแล้วกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 70% ธุรกิจปิโตรเคมีปลายน้ำยังเน้นนวัตกรรม การวิจัยและพัฒนา ผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม (HVA) ซึ่งมีสเปรดที่เพิ่มขึ้นจากปกติประมาณ 150 เหรียญ/ตัน ปี 2564 สถานการณ์ปิโตรเคมีของโลกดีขึ้น จากกำลังการผลิต Ethylene ใหม่จะเพิ่มขึ้น 5.8% น้อยกว่าปี 2563 ที่เพิ่มขึ้น 6.5% ในขณะที่เศรษฐกิจโลกปี 2564 จะดีกว่าปี 2563 ทำให้ผู้บริหาร SCC ประเมินสเปรด HDPE-Naphtha ปี 2564 จะดีขึ้นเป็นประมาณ 540-550 เหรียญ/ตัน เทียบกับสเปรดเฉลี่ย 2563 ประมาณ 498 เหรียญ/ตัน

ธุรกิจปูนซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (CBM) เน้นเซอร์วิส และ โซลูชั่น ไปรีเทล
ธุรกิจ CBM สร้างกระแสเงินสูง มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตลดต้นทุน มีการขายสินค้าพร้อมบริการบวกด้วยโซลูซั่น มีสัดส่วน 6% ของยอดขาย ซึ่งบริการบวกด้วยโซลูชั่นในอนาคตจะมีการเติบโตสูง เน้นลูกค้ารีเทลมากขึ้นซึ่งมี17รีเทลสโตร์ และ ตลาดบูรณะปรับปรุงและซ่อมแซมก็เป็นตลาดที่มีการเติบโตดี รวมถึงมีเครือข่ายเอเย่นต์ที่แข็งแกร่ง จะหนุนการเติบโต ในธุรกิจ CBM อย่างต่อเนื่องในอนาคต

www.mitihoon.com