SMT เฮง!รับวิกฤต‘ชิป’ขาดตลาด ออเดอร์ทะลัก-กำไรแรง133% (09/04/64)

2321

มิติหุ้น-SMT เฮง! เด้งรับวิกฤตใหญ่ระดับโลก “คอมพิวเตอร์ชิปขาดตลาด” ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ยุคใหม่ ฉุดสายพานการผลิตรถยนต์หลายบริษัทปิดชั่วคราว ฟาก SMT ผู้ผลิต “คอมพิวเตอร์ชิป”เฮ!ออเดอร์ไหลเข้าไม่หยุด แถมคว้าฐานลูกค้าใหม่เพียบ จับตากำไรไตรมาส 1/64 โตกระโดด กูรูชี้ทั้งปีฟันกำไรนิวไฮ 190 ล้านบาทเติบโต 133% เป้า 5.70 บาท

ผู้สื่อข่าว “มิติหุ้น” รายงานว่า บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย)หรือ SMT ดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิตและประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดย “แหล่งข่าววงการอุตสาหกรรม” เปิดเผยถึง กรณีที่โลกกำลังประสบปัญหา การขาดแคลน “เซมิคอนดักเตอร์ชิป” หรือ “คอมพิวเตอร์ชิป” ที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ยุคใหม่ จนถึงกับต้องหยุดสายพานการผลิตรถยนต์ของหลายบริษัทเป็นการชั่วคราวนั้น

                ออเดอร์คอมพิวเตอร์ชิปพุ่ง

ประเด็นดังกล่าวไม่กระทบต่อธุรกิจของบริษัท ในทางตรงกันข้ามบริษัทกลับได้รับอานิสงส์เต็มๆ เพราะ “บริษัทเป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ชิป” ทำให้ขณะนี้มีทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้ารายใหม่ๆเข้ามาเจรจาป้อนคำสั่งซื้อ(ออเดอร์)เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดีบริษัทได้เตรียม Material สำรองไว้เพื่อรองรับออเดอร์ที่กำลังจะเข้ามามากขึ้น โดยกลุ่มลูกค้าของบริษัทกระจายในหลากหลายอุตสหกรรม รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วย

รวมถึงบริษัทได้มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆในกลุ่มสินค้าที่เป็น “ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์” เพื่อนำเสนอต่อลูกค้าตั้งแต่ต้นกระบวนการผลิต ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีมาร์จิ้นเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงปีใน 64-65 เตรียมทุ่มงบ 200 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงเครื่องจักร และก่อสร้างโรงงานใหม่ขยายพื้นที่อีก 10,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับออเดอร์ในระยะยาวอีกด้วย

                ปังธงรายได้แตะ7.5พันล.

ดังนั้นทั้งปี 64 มั่นใจรายได้รวมจะเติบโตเกินเป้าหมายแตะที่ระดับ 3 พันล้านบาท หรือ เติบโตเกิน 50% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมเพียง 1.94 พันล้านบาท ภายหลังได้ออเดอร์จากลูกค้าล่วงหน้ายาวถึงเดือน ก.ย.64 และได้ฐานลูกค้ารายใหม่ๆเข้ามาอีกเป็นจำนวมาก

ด้าน “นายวิรัตน์ ผูกไทย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ใน 5 ปีข้างหน้า (ปี 64-68) จะเติบโตแตะ 7.5 พันล้านบาท ซึ่งในช่วง 3 ปีแรก (ปี 64-66) จะมาจากการเติบโตของธุรกิจหลัก ส่วนในปี 67-68 จะเติบโตจากการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ส่วนขนาดของการลงทุนมองว่ามูลค่าจะต้องไม่เกิน 1 พันล้านบาทต่อดีล หรือบริษัทจะต้องมียอดขาย 20-30 ล้านเหรียญสหรัฐ และบริษัทที่เข้าไปลงทุนจะต้องเติบโตได้ด้วยตัวเอง

                โชว์ผลงานQ1/64โตกระโดด

ด้าน “บล.โนมูระ พัฒนสิน” เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานไตรมาส 1/64 คาดกำไรสุทธิที่ 36 ล้านบาท เติบโตโดดเด่น เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/63 ที่ขาดทุน 30.70 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายเติบโตโดดเด่นตามคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นทั้ง 3 กลุ่มหลัก โดยเฉพาะกลุ่ม Optics

อีกทั้งคาด Gross margin ที่ 19.0% ดีขึ้นชัดเจนจาก 12.0% ในไตรมาส 1/63 และ 18.3% ในไตรมาส 4/63 จากปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นและการบริหารวัตถุดิบได้ดี และ คาดค่าใช้จ่ายลดลงจากการคุมค่าค่าใช้จ่ายบริหารต่อเนื่อง ดังนั้นทั้งปี 64 คาดกำไรสุทธิทำนิวไฮที่ 190 ล้านบาท เติบโต 133% จากปีก่อน แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 5.70 บาท

www.mitihoon.com