รายงานพิเศษ : เปิดหน้า 5 หุ้นสายแกร่ง! มีไว้ให้ ‘ชนะ’ ตลาด

4730
การเดินหน้า “ขึ้น” มาอย่างต่อเนื่องของ SET INDEX ในช่วงที่ผ่านมา และไม่สามารถขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,600 จุดได้ ในขณะที่กูรูทางการลงทุนต่างออกมาเตือนให้ระวังถึงการ “พักฐาน” ของตลาดหุ้นไทย จากนั้นนักลงทุนในตลาดต่างได้เห็นการปรับตัวที่ผันผวนของ SET มาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ SET ดิ่งลงมาอย่างรุนแรงกว่า 60 จุด ภายในวันเดียว
นักลงทุนจึงต้องเร่งปรับปรับกลยุทธ์การลงทุนครั้งใหญ่ ซึ่งในมุมมองของ บล.เอเซีย พลัส ได้แนะนำ “กลยุทธ์ในการเอาชนะตลาด” ในช่วงนี้ โดยแนะนำเลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 1/64 โดดเด่นทั้งที่ประกาศไปแล้ว และใกล้จะประกาศ อย่าง SAT, TMT รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (yoy) ได้ทุกไตรมาสต่อจากนี้ อย่าง BDMS โดยมีรายละเอียดทางพื้นฐาน ดังนี้
บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี หรือ SAT (FV @ 24.00) ในงวดไตรมาส 1/64 มีกำไรปกติ 314 ล้านบาท ดีกว่าฝ่ายวิจัยคาด 8% และตลาดคาด 23% เติบโต 63% YoY (+30% QoQ) โดยยอดขายเติบโตตามคาด 21% YoY หนุนด้วยออเดอร์ใหม่จากสหรัฐฯ ตั้งแต่ ธ.ค.63 กอปรกับเครื่องจักรกลการเกษตร (สัดส่วน 20% ของยอดขาย) สูงขึ้น 53% yoy มองทิศทางกำไรปี 2564 เติบโตกว่า 121%YoY มากกว่ากำไรตลาดปี 2564 ที่ฝ่ายวิจัยประเมิน รวมถึงคาดหวังดิวิเดนท์ ยิลด์ ปี 2564 ที่ 5.6% สูงสุดในกลุ่มฯ
บมจ.ทีเอ็มที สตีล หรือ TMT (FV @ 14.80) คาดกำไรไตรมาส 1/64  TMT ทำ New High อยู่ที่ 425 ล้านบาท (+145%QoQ, +244%YoY) ขับเคลื่อนจากราคาเหล็กโลกฟื้นตัวสูง โดยราคาขายเหล็กช่วงครึ่งแรกของเดือน เม.ย. 2564 อยู่ที่ 27 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 4.5% จากสิ้นเดือนมีนาคม ขณะที่ราคาที่เหมาะสมปี 64 อยู่ที่ 14.80 บาท อิง PER 12 เท่า มี Upside สูง 15% และเงินปันผลคาดสูง 7% ต่อปี
บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ หรือ BDMS (FV @ 24.00) แม้กำไรไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท ลดลง 47.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าคาด หลักๆ มาจากรายได้ผู้ป่วย Fly-in (15% ของรายได้) หดตัวสูง แต่เชื่อว่าผลประกอบการนับจาก 2Q64 ต่อเนื่องปี 2565 จะฟื้นตัวต่อเนื่อง เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ใน กทม.อีกทั้งในช่วงครึ่งปีหลังปี 64 จากความคืบหน้าวัคซีน อาจหนุนผู้ป่วยไทยฟื้นตัวดีกว่าคาด ขณะที่ผู้ป่วย Fly-in คาดหวังทยอยฟื้นตัวบางส่วน คงคาดกำไรปกติปี 2564 โต 43%YoY ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside สูงเกิน 15%

ชี้เป้าหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์ยังเป็น “ขาขึ้น” ได้ต่อ 

กลุ่มยาง : ราคายางแผ่นเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปี 2564 อยู่ที่ 2.31 พันดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ปรับเพิ่มขึ้นถึง 30.7% yoy สอดคล้องกับสมมติฐานราคายางแท่งปี 2564 ที่ฝ่ายวิจัยกำหนดไว้ที่ 2.20 พันดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ราคายางแท่งล่าสุดอยู่ที่ 1.62 พันดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ปรับเพิ่มขึ้น 8.0% นับตั้งแต่ต้นปี 2564 โดยราคายางแท่งเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปี 2564 อยู่ที่ 1.66 พันดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ปรับเพิ่มขึ้นถึง 26.1% yoy ยังสอดคล้องกับสมมติฐานราคายางแท่งปี 2564 ที่ฝ่ายวิจัยกำหนดไว้ที่ 1.60 พันดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน จากความต้องการใช้สูงขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ถือเป็นผลบวกต่อธุรกิจยางพาราของ บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี หรือ STA (Buy FV@B60) บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER (Buy FV@B7.5) ยังแนะนำ “ซื้อ”
กลุ่มเหล็ก : แนะนำ “ซื้อ” TMT (FV@ B14.8) ฝ่ายวิจัยคาดกำไรไตรมาส 1/64 จะเติบโตเด่น ทั้งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยราคาขายเหล็กช่วงครึ่งแรกของเดือน เม.ย. 2564 อยู่ที่ 27 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 4.5% จากสิ้นเดือนมีนาคม
ขณะที่ตลาดเหล็กแผ่นรีดร้อน (HRC) ประเทศจีนราคาช่วงครึ่งหลังของเดือนเมษายน ปรับเพิ่มขึ้นร้อนแรง 15% จากครึ่งแรกของเดือน คาดราคาเหล็กในประเทศไทยเดือนพฤษภาคมจะกระชากตัวสูงขึ้นตามตลาดจีน ไปที่ระดับ 30 บาท/กก. หนุนโมเมนตั้มของกำไรงวดไตรมาส 2/64 ของ TMT เติบโตต่อเนื่อง แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”

www.mitihoon.com