ส่องหุ้น3กลุ่มรับอานิสงส์ รัฐหนุนผลิตรถEV-แบตเตอรี่

4921

จากกระแสรถไฟฟ้า (EV) และการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถ EV ยังมีเข้ามาต่อเนื่อง และความพยายามล่าสุดของรัฐบาลกำลังเร่งหาทางดึงดูดบริษัทขนาดใหญ่ที่เป็นผู้นำที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีรถไฟฟ้า (EV) เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนเป้าหมายในการผลิตรถ EV ให้ได้ 30% ของการผลิตรถยนต์ EV ในประเทศไทยภายในปี 2573  ล่าสุด ได้เจรจากับบริษัทผู้นำในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถ EV 8 บริษัท และมั่นใจว่าจะสามารถดึงเข้ามาตั้งโรงงานในไทยได้ไม่ต่ำกว่า 2-3 บริษัท

ฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส ประเมินว่า จะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อ และน่าจะเกิดกระแสเก็งกำไรหุ้น 3 กลุ่ม คือ หุ้นนิคม , โรงไฟฟ้า , ยานยนต์
สำหรับ “กลุ่มนิคมฯ” คาดเป็นผลดีต่อหุ้น   AMATA,  WHA
ส่วน  “กลุ่มโรงไฟฟ้า”  ฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส เคยนำเสนอในบทวิเคราะห์ วันที่ 28 เมย. โดยบริษัทของไทยที่ผลิตแบตเตอรี่ในปัจจุบัน อาทิ  EA ,   PTT GPSC , BANPU/BPP,  BCPG   คาดได้ Sentiment เชิงบวก   โดยหุ้นที่ฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำซื้อ GPSC ราคาเป้าหมาย 82 บาท

ด้าน “กลุ่มผลิตชิ้นส่วนรถยนต์”   มองว่าเป็นไปตามคำสั่งซื้อ จากค่ายรถยนต์ที่มีฐานการผลิตในไทย (สัดส่วนผลิตเพื่อส่งออก 50% และผลิตเพื่อขายในประเทศ 50%) โดยปัจจุบันการผลิตรถยนต์กว่า 80% ในไทย เป็นค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ซึ่งยังคงเน้นการผลิตรถยนต์ประเภทเครื่องยนต์สันดาปในไทย อาจมีเพิ่มในส่วนของ EV Car แต่ยังอยู่ในรูปแบบของ plug in hybrid (PHEV : ใช้ทั้งน้ำมันและสามารถชาร์จไฟได้) เช่น Mitsubishi Outlander ที่ยังใช้ชิ้นส่วนรถยนต์ใกล้เคียงเดิม ภาพรวมยังประเมินไม่กระทบผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในไทยช่วง 3 – 5 ปี ต่อจากนี้
ขณะที่บริษัทในกลุ่มฯ ที่มีข่าวเกี่ยวกับ EV Car อย่าง CWT (Non coverage) ที่ประกาศจะทำรถเมล์ / เรือไฟฟ้า ราคาตั้งแต่ต้นปีปรับตัวขึ้นราว 65% เชื่อว่าตอบรับประเด็นดังกล่าวบ้างส่วนแล้ว การเข้าเก็งกำไรอาจต้องใช้ความระมัดระวัง นอกจากนี้ชิ้นส่วน ประเภท เบาะรถยนต์ (IHL : Non coverage) และชิ้นส่วนไฟรถยนต์ (STANLY เป้าหมาย 220 บาท) ที่ยังคงมีอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้า น่าสนใจภายใต้เทรนด์ EV
ยอดผลิตรถยนต์ไทยปี 64 ผ่านจุดต่ำสุด
คงน้ำหนัก เท่ากับตลาด แนวโน้มยอดผลิตรถยนต์ไทยปี 2564 ผ่านจุดต่ำสุด เติบโต 12% yoy ที่ 1.6 ล้านคัน (ระดับปี 2562 ที่ 2 ล้านคัน) แรงหนุนจากตลาดส่งออก ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า เลือก SAT เป้าหมาย 24 บาท มีออเดอร์ใหม่ในปี 2565 จากผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไทยราว 330 ล้านบาทต่อปี (สัดส่วนราว 4% ของคาดการณ์ยอดขายปี 2565) อีกทั้งมีจุดเด่นที่สถานะการเงินเป็น Net cash ราว 2.5 พันล้านบาท จึงคาดหวังเงินปันผลสูงสุดในกลุ่มฯ ราว 5% ตามด้วย  AH เป้าหมาย 30 บาท  ที่มีออเดอร์ใหม่จากผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ ตั้งแต่ ก.พ.2565 คิดเป็นราว 1.5 พันล้านบาทต่อปี (สัดส่วนราว 7% ของคาดการณ์ยอดขายปี2565)
www.mitihoon.com