ดักหุ้น‘ส่งออก-บาทอ่อน’หนุน

2050

ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ มีโอกาสพักฐานจากความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นจากระดับ 3 พันรายไปแตะระดับ 5 พันราย รวมถึงการฉีดวัคซีนยังล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้ และการปิดแคมป์คนงานก่อสร้างนาน 30 วัน คาดอาจจะส่งผลให้งานก่อสร้างล่าช้า กระทบการรับรู้รายได้ของหุ้น “กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง”  และยังมีอีกหลายปัจจัยเชิงบวกและลบ ที่อาจจะกระทบหุ้นในกลุ่มอื่นๆอีกด้วย+++

ดักหุ้นส่งออก-บาทอ่อน

ดังนั้นการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ นักวิเคราะห์ต่างให้ความเห็นตรงกันว่า ควรเน้นลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เพราะฉะนั้นในรอบสัปดาห์หน้า (5-9 ก.ค.64) เน้นเล่น “ธีมหุ้นส่งออกและเงินบาทอ่อน” เพราะการส่งออกช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาขยายตัวถึง 44.4% พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน และค่าเงินบาทอ่อนค่าสูงสุดในรอบ 13 เดือน แตะ 32.14บาทต่อดอลลาร์ (29 มิ.ย.64)

โดย“นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.หลักทรัพย์ โกลเบล็ก หรือ GBS เผยว่า ตัวเลขการส่งออกมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องในเดือน มิ.ย. และค่าเงินบาทที่ยังอ่อนค่า จึงแนะนำเข้าลงทุนในหุ้น AH- SAT- NER –STA- KCE- HANA –SMT- ASIAN

ขณะที่ “บล.หยวนต้า” ก็มองว่าการส่งออกช่วงเดือน มิ.ย ยังมีโอกาสโตสูงต่อเนื่อง เมื่อผนวกกับเงินบาทที่อ่อนค่า จึงมอง “กลุ่มส่งออก” ยังโดดเด่นในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า จึงยกให้ AH,NER,STA,CPE,CERTER,CCET และ SAT เป็นหุ้นเด่น

NER- TWPC-WICEเด่น

ด้าน “บล.เอเชีย พลัส” ประเมินสินค้าส่งออกที่จะเติบโตในช่วงที่เหลือของปี 64 ได้แก่ กลุ่มสินค้าเกษตร ซึ่งสินค้าส่งออกที่ขยายตัวได้ดี อาทิ ยางพารา ได้แก่ NER และ STA, สิ่งปรุงรสอาหาร XO, อาหารสัตว์เลี้ยง TU และ ASIAN, ไก่สด แช่เย็นและแช่แข็ง GFPT, TFG และ CPF,ผลิตภัณฑ์มันสําปะหลัง TWPC

ส่วน“กลุ่มยานยนต์” มี SAT และ AH, เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน VNG และ SKN, เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ  HANA ,กลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมจาก ส่งออกที่ขยายตัว บริษัทมีพื้นที่ให้บริการจัดเก็บสินค้าในแหลมฉบัง JWD -WHA-FPT หรือ  WICE  โดยหุ้นกลุ่มดังกล่าวนักลงทุนสามารถเข้า “เก็งกำไร” ได้

https://lin.ee/cXAf0Dp