“ฟอร์ด”ทุ่ม 2.8หมื่นล. ปักหลักไทยฐานผลิตรถ หุ้นตัวไหนรับเต็มๆ!!

2050

จากกรณีที่ “ฟอร์ด” ประกาศการลงทุนสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2.8 หมื่นลบ.ปรับปรุงขยายโรงงานเพื่อรองรับการผลิตรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ และรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจ เนอเรชั่นใหม่ เพื่อจำหน่ายในประเทศ และส่งออกนั้น

***WHA รับอานิสงส์เต็มๆดีขายที่ดินเพิ่ม

ด้านบทวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกต่อประเด็นข่าวดังกล่าว เนื่องจากโรงงานเดิมของทาง AAT ตั้งอยู่ ในพื้นที่นิคมของ WHA จังหวัดระยอง

ใน 4Q64 คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวโดดเด่นจากยอดขายที่ดินที่กลับมาเติบโตเด่น รวมถึงมีผลบวกจาก WHART เข้าซื้อสินทรัพย์มูลค่า 5,500 ลบ.

ปี 65 คาดผลประกอบการจะฟื้นตัวเด่น +25% YoY ที่ 3,461 ลบ. โดยรับ ผลบวกจากทั้งการเปิดประเทศ การเพิ่มกำลังการผลิตกลุ่ม EV ปัญหาพลังงานจากจีน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนจากทางรัฐ จึงคาดว่ายอดขายที่ดินจะ ปรับเพิ่มขึ้นราว 15% YoY และส่งผลบวกต่อเนื่องไปยังธุรกิจสาธารณูปโภค

จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2565 ที่ 4.05 บาท

***ชูหุ้นกลุ่มยานยนต์แจ่ม

นอกจากนี้กลุ่มยานยนต์ยังมีมุมมองเป็นบวกจากประเด็นดังกล่าว โดยบริษัทที่มีรายได้จาก ฟอร์ด หลัก ๆ ได้แก่ AH และ SAT รองลงมาได้แก่ STANLY

***คาดกำไรปี64กลุ่มยานยนต์พุ่ง 129%

คาดผลประกอบการใน 4Q64 จะฟื้นตัว QoQ และ YoY จากสถานการขาดแคลน เริ่มคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น หลังสถานการณ์ COVID-19 ทั่วโลกเริ่มบรรเทาความรุนแรง ลงเรื่อย ๆ และด้วยผลประกอบการใน 1H64 ที่ฟื้นตัวโดดเด่นจากฐานที่ต่ำ มีสะดุดเพียง 3Q64 ส่งผลให้ภาพรวมปี 64 คาดกำไรปกติกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ภายใต้ coverage ของเรา ที่ 3,891 ลบ. +129% YoY โดยยังคงสมมติฐานยอดผลิตรถยนต์ของ อุตสาหกรรมปีนี้ที่ 1,650,000 คัน +15%YoY ซึ่งงวด 10 เดือนยอดผลิตรถยนต์อยู่ที่ 1,365,984 ล้านคัน คิดเป็น 83% ของประมาณการทั้งปี

***คาดปี 65 ฟื้นเข้าสู่ภวาวะปกติ

คาดว่าปี 65 ผลประกอบการจะกลับสู่ภาวะปกติ สถานการณ์ COVID-19 รวมถึง ปัญหาขาดแคลน พจะคลี่คลาย ซึ่งคาดตลาดยอดขายรถยนต์ในประเทศจะฟื้นตัว เรา ประเมินยอดผลิตรถยนต์ในปี 65 ปรับเพิ่มขึ้น 7% เป็น 1.77 ล้านคัน ขณะที่ประมาณ การกำไรปกติกลุ่มยานยนต์เติบโต 14% เป็น 4,451 ลบ.

***แนะลงทุนกลุ่มยานยนต์มากกว่าตลาด

ฝ่ายวิจัยจึงให้น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาด มองว่าผลประกอบการของหุ้นในกลุ่ม ชิ้นส่วนรถยนต์ยังคงเติบโตแข็งแกร่ง แม้เผชิญกับ วิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19 แนะนำ “ซื้อ” AH (มูลค่าพื้นฐาน 34.40 บาท) และเลือกเป็น Top pick กลุ่มยานยนต์ SAT (มูลค่าพื้นฐาน 28.00 บาท) และ STANLY (มูลค่าพื้นฐาน 217 บาท)

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp