บลจ.เกียรตินาคินภัทร คาดการณ์หุ้นไทยมีลุ้น เปิดตัวกองทุน KKP TQG คัดหุ้นเติบโตพื้นฐานแกร่ง เสนอขาย 21-28 ก.พ.นี้

48

มิติหุ้น   –  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำกัด (บลจ.เกียรตินาคินภัทร) เผยตลาดหุ้นไทยปีนี้มีโอกาสดี จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวจากการเปิดเมืองครึ่งปีหลัง การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายจนถึงปลายปี อีกทั้งสัญญาณนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาสนใจหุ้นไทย บลจ.เกียรตินาคินภัทร จึงเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเคเคพี THAI QUALITY GROWTH EQUITY (KKP TQG) มุ่งลงทุนในหุ้นไทยเติบโตที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่21-28 ก.พ. 2565 เพื่อเป็นทางเลือกรับสถานการณ์เศรษฐกิจ ด้วยมูลค่าขั้นต่ำในการซื้อเพียง 1,000 บาท 

นายยุทธพล ลาภละมูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำกัดเปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2565 นี้มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นกว่าปีก่อน โดยคาดว่าจะเติบโต 3.4% บนสมมุติฐานการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศและการกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ในไตรมาสสอง รวมถึงนโยบายทางการเงินที่ยังคงผ่อนคลายและการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ ของรัฐบาล ปัจจัยเหล่านี้น่าจะผลักดันให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ของบริษัทจดทะเบียนไทยเติบโตในอัตรา 10.2% ซึ่งสูงกว่าของตลาดหุ้นโลกที่ 5.3% ในขณะที่ P/E ล่วงหน้า (Forward P/E) ของตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันที่ 15.72 เท่า อยู่ในระดับใกล้เคียงกับของตลาดหุ้นโลกที่ 15.81 เท่า ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจในการลงทุนเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลก โดยตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนต่างชาติได้กลับมามีสถานะซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยกว่า หมื่นล้านบาทจากที่มีสถานะขายสุทธิตลอด ปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ บลจ.เกียรตินาคินภัทร จึงได้นำเสนอ กองทุน KKP TQG  ซึ่งมุ่งเน้นการคัดเลือกหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจที่ดี เพื่อเป็นทางเลือกแก่นักลงทุนที่มองหาโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวจากการลงทุนหุ้นในประเทศ” นายยุทธพล กล่าว 

สำหรับกองทุน KKP TQG  มุ่งลงทุนในหุ้นไทยเติบโตที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง  และมีจุดเด่นอยู่ที่กระบวนการคัดเลือกหุ้นรายตัวที่เข้มข้นทั้งการวิเคราะห์เชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เพื่อให้ได้หุ้นที่ประกอบไปด้วยความสามารถในการทำกำไรและศักยภาพในการเติบโต โดยเริ่มจากการคัดกรองหุ้นที่มีขนาดใหญ่สุด 150 อันดับแรกตามมูลค่าตลาดในตลาดหลักทรัพย์ แล้วใช้ระบบการวิเคราะห์ปัจจัยเชิงปริมาณที่มีเกณฑ์ชัดเจน อาทิ อัตราส่วนสภาพคล่อง ความสามารถในการทำกำไร และอัตราการเติบโต จากนั้นผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาปัจจัยเชิงคุณภาพประกอบ อาทิ ศักยภาพการเติบโตในอนาคต ธรรมมาภิบาลของบริษัท เพื่อคัดเลือกหุ้นที่เหมาะสมสูงสุดประมาณ 15-25 ตัวโดยเฉลี่ยสำหรับการจัดพอร์ตเพื่อให้ได้โอกาสรับผลตอบแทนสูงสุดบนความเสี่ยงที่กำหนด อีกทั้งยังมีกระบวนการติดตามและทบทวนพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ

ห้อง Official Line ห้องไลน์ฟรี มิติหุ้น ทันทุกสถานการณ์การลงทุน หุ้นเด่น หุ้นเด็ดตลอดวัน กับห้องไลน์ @mitihoonwealth ห้องไลน์ที่นักลงทุนเข้าเป็นสมาชิกฟรี ไม่มีเงื่อนไข เพียงคลิกลิงค์นี้ก็เข้าได้เลย และสามารถส่งต่อให้เพื่อนได้

https://lin.ee/cXAf0Dp