วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

63

ราคาน้ำมันดิบร่วง หลังยูเออีเผยสนับสนุนสมาชิกโอเปกให้ปรับเพิ่มกำลังการผลิต

– ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับลดลงสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี นับตั้งแต่ ช่วงแรกของการระบาดของโควิด-19 หลังยูซูฟ อัล โอไตบา เอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) แถลงถึงความต้องการที่จะสนับสนุนสมาชิกโอเปกให้พิจารณาปรับเพิ่มกำลังการผลิตให้สูงขึ้น เพื่อบรรเทาปัญหาอุปทานน้ำมันขาดแคลนจากที่นานาประเทศประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย อย่างไรก็ตาม หลังตลาดปิดยูเออีเผยผ่านโซเชียลมีเดียว่า ปัจจุบันยังคงปฏิบัติตามข้อตกลงของกลุ่ม

– สำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ประกาศความพร้อมที่จะสามารถระบายน้ำมันออกมาได้อีก หลังก่อนหน้านี้มีมติตกลงที่จะปล่อยน้ำมันดิบสำรองเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) ออกสู่ตลาด ปริมาณ 60 ล้านบาร์เรล อีกทั้ง นางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ได้ออกมาเรียกร้องให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั่วโลกเร่งเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อสกัดราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

+ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 4 มี.ค. 2565 ปรับตัวลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 411.6 ล้านบาร์เรล จากเดิมที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับลดลงเพียง 0.6 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันเบนซิน-ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้ในภูมิภาคที่ปรับสูงขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ในออสเตรเลีย ไทย และอินโดนีเซีย ขณะที่มาเลเซียกักตุนสต็อกน้ำมันเบนซินอย่างต่อเนื่อง ก่อนเข้าสู่ช่วงถือศีลอดในเดือน เม.ย.

ราคาน้ำมันดีเซล-ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังที่ Fujairah ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีปริมาณลดลงร้อยละ 55 เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2560

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์

🚩🚩ห้อง Official Line ห้องไลน์ฟรี มิติหุ้น ทันทุกสถานการณ์การลงทุน หุ้นเด่น หุ้นเด็ดตลอดวัน กับห้องไลน์ @mitihoonwealth ห้องไลน์ที่นักลงทุนเข้าเป็นสมาชิกฟรี ไม่มีเงื่อนไข เพียงคลิกลิงค์นี้ก็เข้าได้เลย และสามารถส่งต่อให้เพื่อนได้