วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

83

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มกว่า 5% หลัง EU เสนอห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย

+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 5% หลังประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเสนอให้ ประเทศสมาชิก EU ระงับการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียภายใน 6 เดือนนี้ และระงับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปภายในสิ้นปีนี้ โดยจะยกเว้นประเทศ Hungary และ Slovakia ให้สามารถดำเนินการได้ถึงสิ้นปีหน้า ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะบังคับใช้ได้ต้องผ่านความเห็นชอบจากสมาชิกทั้ง27 ประเทศก่อน โดยล่าสุดทาง Hungary ไม่เห็นด้วย ขณะที่ Slovakia และ Czech เห็นชอบแต่ต้องการให้ยกเว้นนานกว่าที่เสนอไว้

-/+ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 29 เม.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับลดลง ขณะที่ปริมาณน้ำมันเบนซินและดีเซลคงคลังปรับลดลง 2.2 และ 2.3 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า ตามลำดับ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

– ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นและกดดันต่อราคาน้ำมัน หลังในการประชุมวันที่ 3-4 พ.ค. ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีมติปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้น 0.5% ซึ่งนับเป็นการปรับขึ้นแรงสุดในรอบ 12 ปี และปรับลดงบดุลตั้งแต่เดือน มิ.ย. เป็นต้นไปที่ราว 47,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจะทยอยเพิ่มการปรับลดไปที่ราว 95,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือน ก.ย. เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันเบนซิน – ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากอินโดนีเซีย ประกอบกับ การส่งออกจากจีนคาดว่าจะปรับลดลงในเดือน พ.ค. 65 ท่ามกลางโควต้าการส่งออกที่จำกัด

ราคาน้ำมันดีเซล – ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากความกังวลอุปทานน้ำมันดีเซลจะขาดแคลน จากการใช้มาตรการคว่ำบาตรการนำเข้าต่อรัสเซียของสหภาพยุโรป

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp