ซิงเกอร์ ดัน เอสจี แคปปิตอล ลงสังเวียนธุรกิจสินเชื่อชูโรง “รถทำเงิน” เจาะลูกค้า B2B ชูจุดแข็ง เข้าใจ เข้าถึง เป็นเพื่อนคู่คิดตั้งเป้าปั้นพอร์ตแตะ 50,000 ลบ. พร้อม IPO ปีนี้

45

มิติหุ้น   –  นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้กลุ่มซิงเกอร์มีเป้าหมายเติบโตเพิ่มขึ้น 75 % โดยเฉพาะธุรกิจดาวรุ่งอย่าง บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการธุรกิจสินเชื่อที่มีแนวโน้มเติบโตและขยายตัวทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดด ประกอบกับภาพรวมอุตสาหกรรมตลาดสินเชื่อยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงกำลังฟื้นฟูจากวิกฤติโควิด-19 ซึ่งในภาคธุรกิจและภาคประชาชนต่างมองหาแหล่งเงินทุนเพื่อใช้สำหรับการพลิกฟื้นธุรกิจและประคับประคองสถานะทางการเงินกับผู้ให้บริการ โดยผู้ให้บริการสินเชื่อที่สามารถให้คำปรึกษาทางการใช้เงินได้อย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ และในระยะเวลาที่รวดเร็ว จะเป็นที่ต้องการในตลาดธุรกิจสินเชื่อมากขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจสินเชื่อจะยังจำเป็นและเป็นที่ต้องการ อีกทั้งความต้องการจะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง เอสจี แคปปิตอล มีวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ธุรกิจที่มุ่งอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ เป็นเพื่อนคู่คิดกับลูกค้า ด้วยการรับฟังปัญหา ให้คำปรึกษาและนำเสนอโซลูชั่นที่เหมาะสม สามารถช่วยต่อยอดให้ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการวางตัวเองเป็นส่วนเสริมส่วนเล็ก ๆ ที่สำคัญของเศรษฐกิจส่วนรวมของประเทศ เพราะเชื่อว่า เมื่อธุรกิจลูกค้าอยู่ได้ พนักงาน คนในครอบครัว และคนทั้งประเทศที่อยู่บนรากฐานเศรษฐกิจที่มั่นคงยั่งยืนก็จะสามารถอยู่ได้

 

นางสาวบุษบา กุลศิริธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการธุรกิจสินเชื่อชั้นนำ ภายใต้แบรนด์ “รถทำเงิน” สินเชื่อเช่าซื้อเพื่อผลิตภัณฑ์ “ซิงเกอร์” และสินเชื่ออื่น ๆ เผยว่า บริษัทฯ สามารถเติบโตมาได้อย่างก้าวกระโดด โดยปีนี้มีแผนที่จะขยายพอร์ตสินเชื่อให้ได้ถึง 15,500 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 38% จากปีที่ผ่านมาซึ่งมีพอร์ตสินเชื่อ 10,900 ล้านบาท และในปี 2569 พอร์ตสินเชื่อจะเติบโตถึง 50,000 ล้านบาท พร้อมมีแผนยกระดับองค์กรเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเต็มรูปแบบภายในปี 2565 นี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการเตรียมความพร้อมเพื่อยื่นไฟล์ลิ่งภายในไตรมาส 2 นี้

 

ปัจจุบัน เอสจี แคปปิตอล มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อ 5 ประเภท ประกอบด้วย 1. สินเชื่อรถทำเงิน ซึ่งเป็นโปรดักส์ชูโรง คิดเป็น 55% ของพอร์ตสินเชื่อ และปีนี้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อดังกล่าวรวม 5,500 ล้านบาท ซึ่งฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าธุรกิจ B2B ที่มีฟลีทรถใช้ดำเนินธุรกิจ โดยให้บริการรถยนต์ทุกประเภทตั้งแต่รถ 4 ล้อเป็นต้นไป ทั้งที่มีและไม่มีทะเบียนรถ โดยมีพนักงานให้บริการให้คำปรึกษา เป็นเพื่อนคู่คิด ช่วยเลือกโซลูชั่นที่เหมาะสมและมีประโยชน์แก่ลูกค้ามากที่สุด อนุมัติไว รู้ผลใน 1 ชม. 2. สินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า คิดเป็น 41 % ของพอร์ตสินเชื่อ ซึ่งปีนี้จะปล่อยสินเชื่อในกลุ่มนี้ 9,500 ล้านบาท 3. สินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักร คิดเป็น 2% ของพอร์ตสินเชื่อ 4. สินเชื่อสวัสดิการ SG Capital สินเชื่อการร่วมทำสัญญากับบริษัท รวมหนี้ให้กับพนักงาน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระหนี้ให้กับกลุ่มคนทำงาน โดยปีนี้ตั้งเป้าอนุมัติสินเชื่อเพิ่ม 200% และ 5. CLICK2GOLDบริการผ่อนทองผ่านไลน์ คิดเป็น 2% ของพอร์ตสินเชื่อ

 

อย่างไรก็ดี เอสจี แคปปิตอล วาง 3 กลยุทธ์หลักในการก้าวสู่ผู้นำตลาดสินเชื่อ ประกอบด้วย ด้านบริการ เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคครอบคลุมทั่วประเทศ ด้วยดีเอ็นเอ “ความเป็นรากหญ้า” เข้าใจ เข้าถึง ลูกค้าทั่วประเทศไทย เพราะอยู่ในตลาดมานานกว่า 130 ปี ของซิงเกอร์กรุ๊ป โดยมีฐานแฟนกระจายอยู่ลึกไปถึงระดับตำบล คู่ขนานด้วยการขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยแรงผลักดันและสนับสนุนของเทคโนโลยี สุดท้ายที่สำคัญคือความเชี่ยวชาญด้านบริการสินเชื่อเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตลูกค้าที่ดีกว่า ด้วยพนักงานที่มีหัวใจพร้อมให้บริการลูกค้า เป็นเสมือนเพื่อนคู่คิด ที่มองหาหนทางต่อยอดโอกาสที่ดีกว่าให้ลูกค้า เป็นเพื่อนช่วยเหลือยามวิกฤต พยุงให้เพื่อนสามารถไปต่อได้ ในช่วงที่ดูเหมือนไร้หนทาง โดยในปีนี้ เอสจี แคปปิตอล มีแผนสื่อสารการตลาดเกี่ยวกับบริการสินเชื่อในเชิงรุกไปยังกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยจะมีการเปิดตัวโฆษณาไวรัล “รถทำเงิน” และออกงานมหกรรมการเงิน Money Expo 2022 ทั่วประเทศเพื่อตอกย้ำสร้างการรับรู้และส่งเสริมยอดพอร์ตสินเชื่อ

 

“เอสจี แคปปิตอล บริการสินเชื่อหลักที่ให้บริการ คือสินเชื่อ “รถทำเงิน” แม้จะมีคู่แข่งในตลาดหลายราย แต่ด้วยจุดแข็ง เอสจี แคปปิตอล ด้านความสามารถในการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจที่มีรถมากกว่า 1 คัน ครอบคลุมรถยนต์ทุกประเภทตั้งแต่รถกระบะไปจนถึงรถบรรทุกขนาดใหญ่ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ในตลาดมากกว่า 1 ล้านคัน และซิงเกอร์มีเครือข่ายซิงเกอร์เฟรนซ์ไซส์มากกว่า 4,000 สาขา ครอบคลุมทุกอำเภอทั่วประเทศไทยและมีแผนเจาะเข้าถึงระดับตำบลในปีนี้ ซึ่งจะเพิ่มจำนวนเฟรนซ์ไซส์มากกว่า 7,000 สาขา ซึ่งจะเป็นประตูเข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศพร้อมกับพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญ ให้คำปรึกษาด้านธุรกิจเพื่อต่อยอดและพลิกฟื้นธุรกิจให้ลูกค้ากลุ่มธุรกิจสามารถไปต่อในเศรษฐกิจยุคปัจจุบัน และยังเป็นการสนับสนุนสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ยังมีความต้องการอยู่อย่างต่อเนื่องการขยายออกไปในระดับตำบลจะช่วยให้ซิงเกอร์ขายได้เพิ่มขึ้นและ เอสจี แคปปิตอล สามารถปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเราเน้นให้บริการสินเชื่อจำเป็นเพื่อช่วยเหลือลูกค้า เช่น สินเชื่อสวัสดิการ ที่เข้าไปทำงานร่วมกับบริษัทซึ่งเป็นลูกค้าเรา รวมหนี้และแบ่งเบาภาระหนี้ให้กับพนักงาน รวมไปถึงบริการผ่อนทอง CLICKl2GOLD ส่งเสริมให้คนไทยรู้จักเก็บออมทรัพย์สิน สะสมทรัพย์และใช้หมุนเวียนในยามฉุกเฉิน โดยมีศักยภาพบริหารหนี้เสีย (NPL) ในระดับต่ำกว่า 4% นับเป็นจุดแข็งที่ทำให้เอสจี แคปปิตอล มีความแข็งแกร่งและสร้างการเติบโตให้กับกลุ่มซิงเกอร์ ซึ่งจะมีแผนเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ปีนี้” นายกิตติพงศ์กล่าวทิ้งท้าย

 

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp