STP โรดโชว์พบนักลงทุน ย้ำพื้นฐานธุรกิจบรรจุภัณฑ์แน่นปึ้ก ก่อนจองซื้อ 2 , 6 – 7 มิ.ย. เคาะราคา IPO 18 บ./หุ้น

318

มิติหุ้น – “สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์” หรือ “STP” จัดงานโรดโชว์ สรุปการเสนอขายหุ้น IPO 25.4 ล้านหุ้น เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 18 บาท กำหนดเปิดให้จองซื้อระหว่าง 2, 6 – 7 มิ.ย.

พร้อมเทรด mai 14 มิ.ย. 65 ชูหุ้นบรรจุภัณฑ์ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น เงินระดมทุนใช้ขยายกำลังผลิต รับงานออเดอร์ที่ล้นทะลัก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารที่เป็นฐานลูกค้าหลัก และ
กลยุทธ์การขยายตลาดไปยังลูกค้าและอุตสาหกรรมที่เป็นโอกาส หนุนผลงานโตต่อไม่หยุด

ทั้งนี้ STP ได้ลงนามแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ STP ร่วมกับ ผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 5 บริษัทหลักทรัพย์ ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด , บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด

นางยอดฤดี สันตติกุล กรรมการบริหาร หัวหน้าสายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของ บริษัท สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอ (IPO) จำนวน 25,400,000 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 18 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 2 , 6-7 มิถุนายนนี้ คาดเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 14 มิถุนายน 2565 และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจอุตสาหกรรม วันที่ 14 มิถุนายน 2565 ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า “STP”

สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 18 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 11.3 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564  ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565) ทั้งนี้ STP พิจารณานำ P/E ของ SPACK และ TPP ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วง 30 – 120 วันทำการ นับจากวันที่ 17 พฤศจิกายน 2564  ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2565 มาเป็นข้อมูลประกอบการเปรียบเทียบ ซึ่งมีค่าเฉลี่ยของ P/E อยู่ระหว่าง 18.0  –  19.4  เท่า

นายสุรนัย โรจน์วงศ์จรัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ STP ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจการพิมพ์บรรจุภัณฑ์กระดาษและสิ่งพิมพ์ทุกชนิด กล่าวถึง การเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 435.5 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) ใช้ลงทุนในโครงการขยายโรงงานและลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม ตามโครงการในอนาคตที่วางไว้ จำนวน 360 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและการดำเนินการอื่นใดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการ จำนวน 75.5 ล้านบาท

สำหรับโครงการในอนาคต ประกอบด้วย การสร้างอาคารโรงงาน ขนาดพื้นที่ 5,300 ตารางเมตร เพื่อใช้วางไลน์ผลิตและเป็นคลังสินค้าเพิ่มเติม รวมทั้ง การซื้อเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตเพิ่มเติม จากปัจจุบันกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 49.7 ล้านแผ่นพิมพ์ต่อปี ใช้กำลังผลิต ณ สิ้นงวดไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ประมาณ 99% ซึ่งคาดว่า เครื่องจักรใหม่ที่ทยอยติดตั้งเข้ามา จะเริ่มสร้างรายได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2565 เป็นต้นไป และวางเป้าหมายการดําเนินธุรกิจใน 5 ปี ข้างหน้า แบบ Conservative ตั้งเป้ายอดขายเติบโตสู่ระดับ 750 ล้านบาท/ปี  หรือมีอัตราการเติบโตยอดขายโดยเฉลี่ย 5% -15% ต่อปี จากปี 2564 รายได้รวมอยู่ที่ราว 580 ล้านบาท กำไรสุทธิเกือบ 124 ล้านบาท

นางสาวสุวิมล ศรีโสภาจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า ในวันนี้ (31 พฤษภาคม) STP ได้จัดงานโรดโชว์ นำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้น IPO ต่อนักลงทุนรายย่อย เชื่อว่า จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของธุรกิจ ขณะที่ เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้ขยายโรงงานและลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิต และรองรับโอกาสการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต นอกจากนี้ จุดเด่นของ STP คือผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนมีความน่าเชื่อถือและเชื่อมั่นจากลูกค้า ด้วยการก่อตั้งบริษัทฯ มายาวนานกว่า 50 ปี มีฐานลูกค้ารายใหญ่คือกลุ่มผู้ผลิตอาหารคนและอาหารสัตว์คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของรายได้ ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโต และการเพิ่มโอกาสไปยังฐานลูกค้ารายใหม่ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา STP ได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก และสนับสนุนอัตราการใช้กำลังการผลิต ณ ไตรมาส 1/2565 ขึ้นไปแตะระดับ 99%

ด้านผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 – 2564) มีการเติบโตต่อเนื่อง และล่าสุด ในไตรมาส 1/2565 STP มีรายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 145.3 ล้านบาท เติบโต 5.5% กำไรสุทธิ 32.7 ล้านบาท ลดลง 4.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มีอัตรากำไรขั้นต้น 37.2 % อัตรากำไรสุทธิ 21.8% ซึ่งถือว่า STP มีความสามารถในการทำกำไรในระดับสูง เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และก่อให้เกิดการประหยัดเนื่องจากขนาด (Economies of Scale)

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0D