AH รับคัดเลือกหุ้น ESG 100 ปี 65 โบรกมองกำไรปีนี้โตต่อเนื่องแนะ“ซื้อ”เป้า 28บ.

101

มิติหุ้น  –  นายเย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการหลังการขาย และธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ และ IoT (Internet of Things)  เปิดเผยว่า บริษัทได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ที่น่าลงทุน ESG100 ในกลุ่ม ESG Emerging ประจำปี 2565 จากสถาบันไทยพัฒน์ โดยพิจารณาผลงานที่โดนเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) จากการประเมินบริษัทจดทะเบียนในหลักทรัพย์ ประจำปี 2565

สำหรับการคัดเลือกหลักทรัพย์จาก ESG Emerging Universe ตามเกณฑ์ประเมินด้าน ESG ของสถาบันไทยพัฒน์ โดย AH เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหลักทรัพย์ที่น่าลงทุน อยู่ใน Universe กลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ประจำปี 2565 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมภิบาล โดยให้ข้อมูลการดำเนินงานในประเด็นดังกล่าวอย่างเปิดเผย และสามารถตรวจสอบได้เพื่อเป็นประโยชน์แก่นักลงทุน พร้อมเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

ขณะที่ การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป

ทั้งนี้ สถาบันไทยพัฒน์ โดยหน่วยงาน ESG Rating ซึ่งเป็นผู้พัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจในประเทศไทย และเป็นผู้จัดทำข้อมูลกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 นับตั้งแต่ปี 2558 ได้จัดทำรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่น่าลงทุนในกลุ่ม ESG Emerging ปี 2565 ด้วยการคัดเลือกจาก 851 บริษัท/ กองทุน/ ทรัสต์ เพื่อการลงทุน ซึ่งทำการประเมินโดยใช้ข้อมูลที่เกี่ยวกับ ESG จาก 6 แหล่ง จำนวน 15,760 จุดข้อมูล

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟ เอส เอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (FSSIA)  ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกจากผู้บริหารของ AH ที่เชื่อว่าจะสามารถรักษาเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 30% ในปีนี้ เนื่องจากคำสั่งซื้อใหม่และปริมาณการสั่งซื้อที่สูงขึ้น นอกจากนี้ คาดว่าราคาเหล็กซึ่งเป็นแรงกดดันหลักสำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีแนวโน้มทรงตัว ดังนั้นจึงคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้และกำไรในปี 2565 สำหรับ AH ไว้ที่ 19% และ 40% ตามลำดับ

สำหรับโรงงานในประเทศจีน ที่ได้หยุดดำเนินงานในช่วงล็อกดาวน์ ได้กลับมาเปิดดำเนินงานอีกครั้งหลังจากผ่านไปเพียงหนึ่งเดือน ทำให้ฝ่ายวิจัยผ่อนคลายความกังวลลง โดยคาดว่ารัฐบาลจีนจะผ่อนคลายนโยบายล็อกดาวน์ที่เข้มงวดก่อนหน้านี้ และโรงงานของ AH ได้กลับมาดำเนินการผลิตตามปกติแล้ว บริษัทคาดว่าโรงงานในจีนจะไม่ขาดทุนในไตรมาส 2 /2565 ซึ่งดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าจะได้รับประโยชน์จากอุปสงค์ที่ถูกกักไว้ในไตรมาส 3/2565 โดยรวม ฝ่ายวิจัยคาดว่าการปิดโรงงานในจีนจากการล็อกดาวน์ไม่ส่งผลกระทบต่อประมาณการกำไรของฝ่ายวิจัยสำหรับ AH ในปี 2565

ทั้งนี้ แม้จะมีความเสี่ยงจากผลการดำเนินงานของโรงงานในประเทศจีน ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการของ AH ในไตรมาส 2/2565 จะยังคงเติบโตต่อเนื่อง จาก 1) การผลิตรถยนต์ที่แข็งแกร่ง เพิ่มขึ้น 13% และยอดขายในประเทศ เพิ่มขึ้น 9% และ 2) การรับรู้รายได้จากคำสั่งซื้อชิ้นส่วนรถยนต์ใหม่เต็มไตรมาสซึ่งมีมูลค่าเต็มปีอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาท ขณะที่รายได้ไตรมาส 2/2565 จะชะลอตัวจากไตรมาส 1/2565 ประมาณ 15-20% หากแม้ว่ารายรับของ AH อาจลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 1/2565 ที่ 25% ยังคาดว่ารายรับในไตรมาส 2/2565 จะสูงกว่าในไตรมาส 2/2564

แม้ว่าจะมีความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจกดดันแนวโน้มของภาคยานยนต์ เช่น ราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น การขาดแคลนไมโครชิป สงครามรัสเซีย-ยูเครน และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับ AH จะน้อยมาก และแนวโน้มของบริษัทยังคงดีกว่าบริษัทคู่แข่ง จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ”  AH และยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของฝ่ายวิจัย ด้วยราคาเป้าหมายเดิมที่ 28 บาท P/E ปี 2565 อยู่ที่  9 เท่า

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp