กระแสความเชื่อมั่นต่อกองทุน JASIF ที่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินเส้นใยแก้วนำแสง 1,680,500คอร์กิโลเมตร ที่ซื้อจาก TTTBB เริ่มลดลงจากกระแสข่าวที่ออกมาสร้างความสับสนไม่น่าเชื่อถือให้กับนักลงทุน ไล่ตั้งแต่ราคาร่วงก่อนออกข่าว โดยมีกระแสว่ารายใหญ่เตรียมเทขายทิ้งจนเกิดแพนิกและทำให้ราคาร่วง 2 วันติด(22-23 มิ.ย.65) จนราคาลงลึกสุดที่ 9.20 บ.และปิดที่ 9.25บ.ในวันที่ 23 มิ.ย.65
โดยมีกระแสออกมาว่าสาเหตุที่รายใหญ่ขายก็อาจจะรับรู้ข้อมูลว่า JASIF มีความเสี่ยงในเรื่องการบริหารกรรมสิทธิ์ในสัญญาเช่าทรัพย์สินที่จะครบสัญญาลง(22 ก.พ.69) และมีโอกาสจะไม่ได้ต่อสัญญาซึ่งทรัพย์สินก้อนดังกล่าวมีสัดส่วนถึง 18 % ของรายได้ทั้งหมด และส่งผลกระทบต่อเงินปันผลที่จะต้องลดลงตาม
และช่วงเย็นวันนั้นเอง (23 มิ.ย.65) ก็มีหนังสือชี้แจงผู้จัดการกองทุน JASIF โดย บลจ.บัวหลวงปฏิเสธว่าข่าวที่ออกมาไม่เป็นความจริง พร้อมยืนยันว่า JAS จะไม่ขายหรือโอนหน่วยลงทุนของกองทุนให้ต่ำกว่า 19 % ในระยะ 6 ปีแรก(นับจากวันทำสัญญา 20 พ.ย.62)
แต่ไหง!!! มาวันนี้ JAS กลับประกาศชัดเจน ขาย TTTBB ทั้งหมดคิดเป็นมูลค่า 19,500 ลบ. และหน่วยลงทุนที่ถือใน JASIF สัดส่วน 19 %. ในราคา 8.50 บ./หน่วยมูลค่า 12,920 ลบ. กวาดเงินไป 32,420 ลบ.คืออะไร?
“ใครเป็นไอ้โม่งขายออก
ทำรายย่อยเสียหาย”
จะหาความเชื่อมั่นจากไหนอีกและไอ้โม่งที่ขายออกคือใคร? ฝากหน่วยงานกำกับทั้งหลายช่วยหาคำตอบและปกป้องรายย่อยด้วย!!!!
@mitihoonwealth
