วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

68

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง จากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง และการชะลอตัวของสภาพเศรษฐกิจ

– ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง หลังสหรัฐฯ เผยความต้องการใช้น้ำมันเบนซินเริ่มชะลอตัวลงจากผลของราคาที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องตั้งแต่มีการคว่ำบาตรด้านพลังงานของรัสเซีย และการที่ธนาคารกลาง (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อจัดการกับภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลให้เกิดความกังวลต่อเศรษฐกิจโดยรวม และอาจกระทบต่อความต้องการพลังงานให้ลดลงได้

– ตลาดจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 21 ก.ค. นี้ ซึ่งตลาดคาดว่า ECB กำลังพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2554 เพื่อรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อ โดยคาดว่าจะปรับเพิ่มมากถึง 25-50 จุด

+ ท่อส่งน้ำมัน Keystone ซึ่งเป็นหนึ่งในช่องทางขนส่งน้ำมันรายใหญ่ของแคนาดาที่ขนส่งน้ำมันดิบราว 590,000 บาร์เรลต่อวัน จากอัลเบอร์ต้ามายังแถบตะวันตกตอนกลางของสหรัฐฯ ปรับลดการขนส่งลงเป็นวันที่ 3 หลังมีการปิดซ่อมแซมหลังมีปัญหาระบบสาธารณูปโภคด้านไฟฟ้าขัดข้อง ทั้งนี้ผู้ดำเนินการยังไม่มีการแจ้งกำหนดการว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด

ราคาน้ำมันเบนซิน – ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในเอเซียที่อาจถูกกดดันจากราคาที่สูงขึ้น ขณะที่สต๊อกน้ำมันเบนซินในเอเชียคาดว่าจะเพียงพอกับความต้องการใช้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีแรงซื้อจากเอเชียใต้ (ศรีลังกา) เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ราคาน้ำมันดีเซล – ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานจากประเทศเกาหลีใต้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกจากซาอุดีอาระเบียเพิ่มขึ้นเช่นกัน

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์

 

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp