SABINA ยอดขายฟื้น เพิ่มเป้ากำไรคาดโต40%

228

 

มิติหุ้น-SABINA โดยบล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 65 และ66 ขึ้น 8% และ6% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนการฟื้นตัวของยอดขายที่แข็งแกร่งและประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยคาดว่า
กำไรสุทธิปี 65 จะเติบโต 40% ไปสู่ระดับกำไรก่อนเกิดโควิด

เราคาดว่าการเพิ่มขึ้นของยอดขายอย่างแข็งแกร่งและความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้นจะส่งผลให้กำไรสุทธิ2Q65 เติบโตทั้ง QoQ และYoY ราคาเป้าหมาย DCF (WACC 7.3%, G 2%) ปรับเพิ่มเป็น 30.50 บาท จาก 27 บาท เราคงคำแนะนำ ซื้อ

คาดยอดขาย 2Q65 ฟื้นตัวได้ดี
ยอดขายทางสาขาของ SABINA คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 27% YoY เป็น 496 ล้านบาทจากการเปิดเมืองการออกสินค้าใหม่ และโรงเรียนเปิดเทอม ขณะที่ยอดขายทาง Non-Store Retailing (NSR) คาดว่าจะเติบโตได้ดี 17% YoY จากการทำโปรโมชั่น และทำการตลาดบนโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง

ส่วนการกลับมาของคำสั่งซื้อของลูกค้าในอังกฤษและสหภาพยุโรป ประกอบกับค่าเงินบาท่ออนค่าคาดว่าจะทำให้ยอดขาย OEM เพิ่มขึ้น 25% YoY เราจึงประเมินว่ายอดขายรวมของ SABINA จะ
เติบโต 24% YoY เป็น 776 ล้านบาทใน 2Q65

คาดกำไร 2Q65 เติบโต 4% QoQ และ69% YoY SABINA สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีสต็อคที่ราคาต่ำและมอำนาจต่อรองสูงกับซัพพลายเออร์ เรายังคาดว่าการอ่อนค่าของเงินบาทจะส่งผลกระทบจำกัดเนื่องจากสินค้าที่จ้างผลิตส่วนใหญ่เป็นการจ้างผู้ผลิตในประเทศ โดยมีประมาณ 10% เป็นสินค้านำเข้า เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 49.6% เพิ่มขึ้น 30 bps
YoY

ขณะที่ค่าใช้จ่ายคาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 9% YoY หรือคิดเป็นสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายที่ 33.4% เทียบกับ 37.9% ใน 2Q64 ทั้งนี้ ความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นเปันผลมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและจำนวนพนักงานลดลง 12% YoY เป็น 3,246 คนเราประเมินกำไรสุทธิ์ 2Q65 เติบโต 4% QoQ และ69% YoY เป็น 106 ล้านบาท โดยคาดว่าเงินปันผลครึ่งปีแรก 0.58 บาท/หุ้น หรืออัตราผลตอบแทนครั้งปี 2.3%

โมเมนตัมเติบโตต่อเนื่องใน 2H65
การเปิดประเทศและการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อ ส่งผลดีต่อยอดขายในประเทศของ SABINA โดยการเปิดตัวสินค้าใหม่ และการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องจะช่วยผลักดันยอดขาย ขณะที่ยอดขาย OEM มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งจากการมีคำสั่งซื้อยืนยันไปจนถึงเดือนต์.ค. SABINA ยังมีประสิทธิภาพการดำเนินงานสูงจากการใช้กลยทธุ์ที่เหมาะสมในการผลิต โดยปรับสมดุลระหว่างการผลิตเองกับการ
จ้างผลิต (ในประเทศและนำเข้า)

 

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp